รีวิว ของที่ซื้อแล้ว ต้องซื้ออีก (ถูกแพงมีหมดจ้า)

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ vanilla ทุกคน .. จริงๆแล้วเคยทำรีวิวให้อ่านไปครั้งนึงแล้วนะคะ (เมื่อสามชาติเศษ)

อิอิ งวดนี้ ว่างๆ เลยอยากจะมาแนะนำไอเทมที่คิดว่า ดีเลิศ ซื้อแล้วต้องซื้ออีก

หมดแล้วต้องซื้อใหม่ มาให้เพื่อนๆได้ชม ได้อ่าน ได้พิจรณา เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการซื้อของจ้ะ

ก่อนอื่น ต้องขออนุญาติใช้รูปจาก internet นะคะ

คือเราไม่ได้มาทำ how to หรือ รีวิวขายของง่า .. ใช้รูปจากเนตคงไม่ว่ากันนะคะ ^^

อย่างแรก เริ่มจาก Skincare ก่อนเลยแล้วกันค่ะ

ต้องเกริ่นก่อนว่า เป็นคนผิวผสมค่ะ นอนดึก หน้าจะดูเหลืองๆหมองๆ 555 หาskincare ที่ถูกใจยากมาก

ยังไม่เคยใชตัวไหนซ้ำๆกันเลย ยกเว้นเจ้าตัวที่จะมารีวิวค่ะ

ตัวแรก เริ่มที่แบรนด์ไทยทำไทยใช้ นะคะ Oreintal princess

ตัวนี้คือ Natural intensive C Skin boosting serum เป็น boosting serum นะคะ อย่าสับสนกับ reparing serum ล่ะ เพราะมันเหมือนกันมากกก

เจ้าตัวนี้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ตัวท็อปของ OP เลยก้ว่าได้นะคะ ขายดีมากๆ เห็นว่าของหมดในหลายสาขา

ข้อดี

1. กลิ่นหอมสดชื่นสบายจมูก ไม่แรงไป (ปกติไม่ชอบสกินแคร์ที่มีน้ำหอม)

2. Texture นุ่ม ไม่เหนียวเหนอะหนะ ยิ่งทาตอนแช่เย็น มันให้อารมณ์ soothing มาก

3. ราคาไม่แพง และได้ปริมาณเยอะ

4. หาซื้อง่าย (ถ้าของไม่ขาดตลาดนะคะ) แถมมีโปรโมชั่น ตล๊อดๆ

5. packaging ถือว่าโอเคในด้านที่เหมาะสมกับชนิดผลิตภัณฑ์ คือ เป็นขวดทึบ เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์พวกวิตามินต่างๆที่ oxidized ง่ายเมื่อเจอแสงแดด

ข้อเสีย1

1. มีผลิตภันฑ์ตกค้างในขวดเยอะมาก ไม่สามารถควักออกมาใช้จนหมดได้ เพราะขวดแก้วฝามันแคบ รู้สึกเสียดายมากกกกกกกกก

2. ต้องใช้คู่กับ moisturizer ตัวอื่นๆ ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นไม่เพียงพอนะคะ

ส่วนตัวเจ้าserum ตัวนี้ซื้อเป็นขวดที่ 4-5 แล้ว ใช้มาตลอดๆ ใช้คู่กับ moisturizer ของแบรนด์อื่นๆ หน้ากระจ่างใสขึ้น สดชื่นขึ้นค่ะ

ตัวต่อมา เป็น counter brand เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก และคงได้ลองใช้กันบ้างแล้วกับเจ้าตัวนี้

clinique dramatically different moisturizing lotion ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะคะว่าเป็นผลิตภันฑ์ moisturizer ที่ช่วยบำรุงผิวแบบ dramatically หรือ หนักหน่วงจริงๆ

ข้อดี

1. ให้ความชุ่มชื้นคุ้มค่าสมราคา

2. ไม่มีน้ำหอมใดๆทั้งสิ้น

3. ไม่แพ้

4. แพคเกจสวยงามดูดีมีราคา

5. ราคาถือเป็น reasonable price คือยังสามารถควักตังค์จ่ายได้ ไม่สะเทือนกระเป๋ามาก

ข้อเสีย

1. จะเหนอะมาก หากคุณทาตอน summer และไม่เปิดแอร์ (ลำพังเหงื่ออย่างเดียวก็สุดทนแล้ว) เพราะฉะนั้นตัวนี้แนะนำทาตอนก่อนนอนนะคะ แบบแอร์ชุ่มฉ่ำ หรือสาวๆที่อยู่ห้องแอร์ทั้งวัน ตัวนี้ก็เวิร์คค่ะ

ตัวนี้ก็ใช้มาขวดเล็ก1 ขวดใหญ่ 1 ใช้ได้นานมากกกกก ค่ะ ใช้ทีละนิดๆ

ถัดมา เป็น skincare เช่นกัน แต่เป็นในส่วนของ bodycare ค่ะ  .. ไม่พูดพร่ำทำเพลงน้า เดี๋ยวสาวๆเบื่อ

ตัวแรกเลย เป็นผลิตภัณฑ์ตัวดังที่ boots นำเข้ามาขายค่ะ

ตัวนี้เราชอบซื้อเป็นหลอดเล็กนะคะ พกพาสะดวก และใช้แทนแฮนด์ครีมค่ะ

ข้อดี

1. กลิ่นหอม .. ซึ่งเป็นจุดขายของผลิตภันฑ์ยี่ห้อนี้เลยก็ว่าได้ กลิ่น unique มาก ติดทน แต่ไม่ฉุน แต่ใครที่รับไม่ได้กับกลิ่นน้ำหอมแรงๆ ไลน์นี้ หรือ ผลิตภันฑ์นี่ห้อนี้คงต้องเมินเลยล่ะค่ะ

2. ราคาไม่แพงเลย .. ใช้นาน

3. หาซื้อง่าย (สาวๆคงรู้เนอะว่าต้องสอยที่ไหน)

4. ให้ความชุ่มชื้นดีทีเดียว

ข้อเสีย

1. ทาแล้วติด ต้องทำซ้ำบ่อยๆ 5555 ก็คนมันชอบอ้ะ ><

ตอนนี้ก็ซื้อขวดที่ 2 แล้วนะคะ :)

สกินแคร์หมดแล้ว ( 555 มีแค่นี้จริงๆที่ซื้อซ้ำๆ ใครเห็นว่าตัวไหนดี รบกวนมาแชร์หน่อยนะค้าาา ^^)

ต่อมา ขอต่อด้วย item สุดโปรดของสาวๆ นั่นคือ เครื่องสำอางค์ จ้าาาาา ~

เอาล่ะ .. เรามาเริ่มจาก basic makeup ก่อนเลยแล้วกัน ..

ตัวแรก .. เป็น product ที่ฮิตและค่อนข้างโด่งดังในโลกออนไลน์ celeb ใช้กันเยอะ .. ไอ่เราก็สงสัยว่ามันดีอย่างไรเลยไปสอยมาหนึ่งชิ้นจากร้านค้าใน ig (เลือกร้านดีๆนะคะ อย่าให้โดนหลอกได้ บางร้านราคาก็สูงมาก บางร้านราคาถูกกว่ากันเยอะเลย)

ไอเท็มตัวนี้จะเป็นอะไรไปได้ นอกจาก lucas papaw เจ้าบาล์มหลอดแดงจาก Australia นั่นเองค่ะ

เจ้าบาล์มตัวนี้นะคะเป็นบาล์มจากมะละกอ (เขาว่าอย่างงั้น) มีทั้งแบบหลอด กระปุกใหญ่ กระปุกเล็ก

ส่วนตัวซื้อแบบหลอดมาค่ะ อารมณ์อยากลอง

ข้อดี

1. ตอนแรกใช้แล้วไม่ต่างจากวาสลีน แต่พอใช้สักพัก ปากนุ่ม ไม่แห้ง ไม่แตก ไม่ลอก ไม่ร่อน (ไม่เว่อร์นะ) ยิ่งทาหลังสครับปาก ยิ่งเด้ง นุ่มจริง (ลองทาก่อนนอนสิคะ ตื่นขึ้นมารู้เรื่อง)

2. ไม่มีน้ำหอม

3. หลอดใหญ่เว่อร์ 25g ใช้ได้นาน ขอบอกๆ

4. ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับปริมาณ

5. เป็นบาล์มอเนกประสงค์ทาได้ตั้งแต่ปากแห้งยันยุงกัด (แต่ประสิทธิภาพด้านอื่นยังไม่เคยลองนะคะ)

ข้อเสีย

1. หาซื้อยาก ไม่มีเคาน์เตอร์ในไทย อาจเสี่ยงโดนหลอกได้

2. เมื่อเจอกาศร้อน บาล์มเหลวเชียว พอเข้าห้องแอร์ บาล์มก็แข็ง 555

ส่วนตัวกำลังจะซื้ออีกหลอดค่ะ กะว่าจะซื้อแบบกระปุกเก็บไว้ที่บ้านด้วย ^^ ถ้าพูดกันตามตรงคือ เอามาแทน burstbees เลยค่ะ (ตัวนั้นเราใช้แล้วไม่เวิร์ค ปากยังแห้งเหมือนเดิม)

ต่อมา คือ ดินสอเขียนคิ้วค่ะ

เคยได้ลองใช้หลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น etude, op, shiseido (ของ etude, op ก็ดีมากนะคะ แค่ตอนนี้เปลี่ยนใจนิดนึง อิอิ) เจ้าตัวนี้ เป็นแบรนด์​drugstore ค่ะ หาซื้อได้ตาม watsons ถ้าจำไม่ผิดเป็นแบรนด์ของ US นะคะ

ราคาร้อยกว่าบาท น่าจะ 179 มั้งคะ .. ชื่อแบรนด์ 4U2 (for you too) ค่ะ

เจ้าดินสอเขียนคิ้วตัวนี้มีหัว 2 แบบนะคะ คือ ตัวตัด กับ หัวกลม

ข้อดี

1. เป็น auto pen ไม่ต้องเหลา ใช้หมุนๆค่ะ ไม่ต้องเสียอารมณ์ไส้หัก

2. เนื้อนิ่ม เขียนแล้วคิ้วไม่ถลอก

3. ติดทนระดับหนึ่ง

4. ราคาถูก หาซื้อง่าย

ข้อเสีย

1. สีมีให้เลือกน้อย รู้สึกว่ามีแค่สองเบอร์ คือน้ำตาลเข้ม และน้ำตาลอ่อนค่ะ

ตัวนี้กำลังจะใช้แท่งที่ 3 แล้วค่ะ

ตัวถัดมาเป็น อายไลน์เนอร์ แบบ pencil - "super tatto pencil eyeliner" ของ Bisous bisous ค่ะ

ตัวนี้ดีและถูก (ยังใช้ไม่หมดนะคะ เพราะไม่ค่อยได้แต่งหน้า แต่จะซื้ออีกแน่นอน)

ข้อดี

1. ราคาถูก (ซื้อทางเนต 200 บาท)

2. ติดทนนานเว่อร์ super tattoo จริงๆค่ะ

3. ไม่แพนด้า ซึ่งเป็นข้อสำคัญในการเลือกซื้อ pencil eyeliner เลยแหละค่ะ

4. เป็น auto pen ค่ะ ใช้หมุน แถมไม่ต้องกลัวทู่ เพราะเขามีที่เหลาปลาย (sharpener) ให้ที่ปลายแท่งค่ะ

5. แพคเกจสะดุดตา

6. เนื้อนุ่ม ไม่บาดเปลือกตา

ข้อเสียยังไม่มีนะคะ

หลังจากแต่งหน้าแล้ว ... ขอต่อด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้านะคะ

ตัวแรก ขอนำเสนอ Cleansing lotion 'Bifesta sebum express' ค่ะ

ตัวนี้ถือว่าโด่งดังมากทีเดียว ด้วยราคาที่ถูก และคุณภาพที่เจ๋ง

ข้อดี

1. ถูก หาซื้อง่าย และปริมาณเยอะ สวดๆ

2. ไม่มีน้ำหอม (หรือมีก็น้อยมาก)

3. ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ความรู้สึกแบบ cleansing water ไม่ใช่อารมณ์ cleansing oil

4. ไม่แพ้

5. เช็ดหน้าสะอาดหมดจด

ข้อเสีย

1. เข้าตาแสบน้ำตาเล็ด (เลี่ยงการใช้รอบดวงตานะคะ)

2. เครื่องสำอางที่กันน้ำจัดๆ เช็ดสัก 2-3 รอบนะคะ จะได้เกลี้ยงจริง

ตอนนี้ซื้อเป็นขวดที่ 3 แล้วนะค้าา

ต่อไป เป็นไอเท็มตัวสุดท้ายที่จะมารีวิววันนี้นะคะ (เมื่อยมือจัง) >

ตัวนี้เป็นโฟมล้างหน้าของญี่ปุ่นค่ะ เป็นแบรนด์ที่หลายคนต้องรู้จักแน่นอน กับเจ้าตัวนี้ Hadalabo !!

ถือเป็นความเฮ็งของตัวเองมาก ที่ไปสอยโฟมตัวนี้มา เพราะจริงๆไม่ได้ประทับใจโลชั่นบำรุงหน้าของฮาดะเท่าไหร่ แต่ก็อุตส่าห์ไปสอยโฟมล้างหน้ามา แล้วก็เหมือนถูกหวยเพราะมันใช้ดีมาก จนต้องไปสอยหลอดที่2

(ปกติใช้โฟมล้างหน้าของ beauty cottage อยู่ค่ะ แบรนด์นี้ก็ดีใช่ย่อย ติดที่ช็อปยังมีไม่มากเท่าไหร่ เลยไปสอยเจ้าตัวนี้มาซะก่อน แหะๆ)

ตัวนี้เป็นสูตร Arbutin whitening face wash ซึ่งจะมีอีีก 2ตัวนะ ของฮาดะเนี่ย เป็นหลอดสีเขียว กับอีกตัวคือ AHA&BHA ถ้าอยากสอย ก็ลองดูสูตรที่เหมาะที่ควรนะคะ

ข้อดี

1. โฟมหนานุ่ม มีคนบอกว่าซื้อตาข่ายมาตีวิปได้เหมือน shiseido  เลยด้วย (อู้วว)

2. ราคา ไม่แพง สู้ไหวค่ะ

3. หาซื้อได้ทั่วไป เดี๋ยวนี้โลตัสบางที่มีขายแล้วนะคะ

4. ใช้ได้นาน จริงๆนะจ๊ะ

5. หอมสดชื่น

6. ไม่แพ้ ไม่ระคาย

ข้อเสีย

1. ล้างเครื่องสำอางค์ไม่ได้นะจ๊ะ ไม่ใช่ cleanser นะสาวๆ เพราะงั้นอย่าใช้ล้างเครื่องสำอางเดี่ยวๆล่ะ เดี๋ยวสิวถามหา :)

เอาล่ะค่ะ ทั้งหมดนี่ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่ได้จะขายของหรือโฆษณาให้ใครแต่อย่างใด แล้วก็ไม่รับรองว่าจะดีกับคนอื่นด้วยหรือไม่ ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละคนนะคะ

ขอบคุณมากที่อ่านจนจบค่ะ ไว้วันหลัง จะมารีวิวตัวอื่นให้ฟัง อาจมีรีวิวประเภท "ไม่น่าซื้อมาเลย" ก็ได้นะคะ รีเควสต์กันเข้ามาก็ได้ค่ะ

สุดท้าย อยากฝากสาวๆไว้ว่า อย่างที่เห็นนะคะ ของที่ซื้อซ้ำๆ ส่วนใหญ่เป็น drugstore ทั้งนั้นเลยค่ะ ที่จะตั้งใจบอกก็คือ ของดี ไม่จำเป็นต้องแพงก็ได้นะคะ (ไม่ใช่ว่าของแพงไม่ดีน้าา) แค่อยากให้สาวๆลองเลือกของที่เหมาะกับเรา ทั้งคุณภาพ และกำลังการซื้อ ค่ะ ไม่อยากให้เห่อตามกระแส .. เราเคยทำมาแล้ว มันไม่เวิร์คหรอกค่ะ ^^ อยากให้สวย และรวยมากกันทุกคน (ต้องใช้เงินให้เป็นนะคะ)

รักนะคะ ชุ๊บุ <3