แป้งจะเริ่ม review ความรู้สึกที่แป้งได้ใช้แล้วนะคะ
ขออธิบายก่อนว่า ในตอนเช้า แป้งแต่งหน้าค่อนข้างหนา 5555 เพราะต้องการให้เครื่องสำอางติดทนจนถึงตอนเย็นค่ะ ไม่ชอบเติมเครื่องสำอางระหว่างวัน เพราะไม่อยากพกของไป มันหนักค่ะ -.- จะพกแค่กระดาษซับมัน ลิปมัน และลิปสติกเท่านั้น
ลำดับการแต่งหน้าของแป้งในตอนเช้า
primer laura -> cc cream -> รองพื้น revlon ฝาดำ (บางๆ 2 ชั้น) -> concealer -> แป้งฝุ่น (บางๆ 2 ชั้น) -> ดินสอเขียนคิ้ว -> eyeliner -> mascara maybelline -> brush on แบบฝุ่น -> ลิปสติก wet&wild -> fixer spray ให้เครื่องสำอางติดทนค่ะ
ปล. ลำดับที่ใส่ชื่อยี่ห้อเครื่องสำอางไป คือเป็นเครื่องสำอางตัวที่ติดทนนานนะจ๊ะ
อย่าเพิ่งตกใจนะคะ ว่าลงเยอะขนาดนี้ หน้าเราจะหนา 5 cm ฮ่าๆๆๆๆ เราเน้นงานผิว ลงแป้งฝุ่นบางๆ แต่หลายชั้นหน่อยค่ะ ช่วยได้นะคะ เทคนิคนี้ใครจะลองนำไปใช้ดูก็ได้นะคะ ช่วยคุมมันได้ดีมาก เครื่องสำอางติดทนจริงๆ แต่ยังได้ look No makeup อยู่จ้า
ส่วน revlon ฝาดำ เราลงแค่บางๆ ให้สีผิวดูสม่ำเสมอ ผ่องๆ ไม่หมอง เรารับรองว่าตัวฝาดำนี้ ถ้าใช้เป็น ในปริมาณที่พอดี จะไม่โป๊ะ ไม่หนักหน้าแน่นอน แถมเป็นธรรมชาติด้วยนะจ๊ะ
สำหรับ cc cream เราลงซ้ำซ้อนกับรองพื้น เพราะเจ้าตัวนี้เราไม่ได้หวังผลเรื่องปกปิดนะคะ แต่เราใช้แค่นิดเดียว เพื่อให้สุดท้ายผิวดู glow ดูฉ่ำขึ้นมานิดนึงเท่านั้นเองค่ะ
เอาล่ะ เริ่ม review จริงๆ แล้วนะจ๊ะ............
ตอนเย็นแป้งใช้ Smooth E Cleansing Oil กดประมาณ 5 ปั๊มค่ะ ล้างได้ทั่วหน้าเลย ทั้ง base makeup หลายๆ ชั้น และ point makeup โดยไม่จำเป็นต้องใช้ eye & lip remover ก่อนเลย
ผลที่ได้ คือ ล้างเครื่องสำอางออกได้ง่ายมากๆ แม้แต่อายไลเนอร์และมาสคาร่า ที่ล้างยากๆ ก็ยังล้างออกได้ง่ายๆ เลย แถมผิวหน้าได้สะอาด (เราเช็ด toner แล้วไม่เห็นรอยดำบนสำลี) ไม่ระคายเคือง ผิวไม่แห้งตึง ไม่แสบตา
จุดเด่นของเจ้า Smooth E Cleansing Oil นี้ คือ
1. ล้าง point makeup ได้ดีมาก แทนเจ้า eye & lip remover ได้เลย เหมาะกับวันขี้เกียจมากๆ หรือจะขี้เกียจทุกวันก็ได้ค่ะ ไม่ว่ากัน ประหยัดสำลีดี ลดความเสี่ยงที่สำลีจะบาดหน้าได้ด้วย เอิ๊กๆๆ
2. น่าจะมีสารบำรุงผิว คือ ออกตัวตรงๆ เลยว่าตามรูปส่วนประกอบนั่น เราอ่านไม่ออกหรอกค่ะ ว่ามีสาร active อะไรที่ช่วยบำรุงผิว 555+ แต่มันมาจาก feeling เราเองค่ะ เพราะหลังล้างหน้า รู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่าผิวยังคงนุ่มชุ่มชื่นอยู่ จับแล้วรู้สึกนุ่มๆ ลื่นๆ เหมือนทา skincare เรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่จริงๆ เพิ่งจะล้างหน้าเสร้จ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เรา surprise มาก เพราะ oil ล้างหน้ายี่ห้ออื่นที่เราเคยใช้ จะทำได้แค่ล้างหน้าสะอาด แต่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าผิวได้รับการบำรุงแบบ Smooth E นี้เลย
จุดด้อยของเจ้าตัวนี้
ความเห็นส่วนตัวเลยค่ะ คือ ราคา เพราะเจ้า Smooth E ปริมาณ 200 ml ราคา 595 บาท ในขณะที่ปัจจุบันเราใช้ cleansing oil ของยี่ห้ออื่นอยู่ที่ปริมาณกับราคา ถูกกว่าตัวนี้ประมาณ 3-4 เท่าเลย
ถ้าเราเปรียบเทียบระหว่าง Smooth E กับ cleansing oil ที่เราใช้อยู่ มันล้างหน้าได้สะอาดดีเท่ากันค่ะ แต่บอกตรงๆ เลยว่าของ Smooth E จะได้เปรียบกว่าตามจุดเด่นที่บอกไว้ คือ ล้าง point makeup ได้ดีกว่า และช่วยบำรุงผิวด้วย
ดังนั้น สำหรับเราคงจะ maintain ใช้ตัวเก่าเป็นหลักต่อไป เพราะเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ 555 แต่ถ้าเราเจอ Smooth E จัด promotion ดีๆ เราไม่พลาดแน่ค่ะ เพราะจุดเด่นของเค้า เราว่ามันเจ๋งมากจริงๆ ในราคาระดับนี้
ซึ่งถ้าใครมองว่า ปริมาณ 200 ml ราคา 595 บาท เป็นราคาที่สามารถจ่ายได้ หรือใช้ cleansing oil ตัวอื่นที่ราคาระดับนี้อยู่แล้ว หรือแพงกว่านี้อยู่แล้ว เราแนะนำให้ลองใช้เจ้า Smooth E Extra Sensitive Deep Cleansing Oil เลยค่ะ คุ้มค่า คุ้มราคามากเลย คุณสมบัติก็เจ๋ง สามารถทำได้ตามคำ claim ที่ว่าไว้
ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของแป้งจริงๆ นะคะ ลองพิจารณาเปรียบเทียบข้อดี ข้อด้อยกันดูนะจ๊ะ ถ้าสนใจเจ้า Smooth E ตัวนี้จริงๆ อย่าลืมเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ที่ดูนะคะ เพราะช่วงนี้เราเห็นที่ The Mall จัด promotion อยู่ ลดเหลือ 535 บาท จะได้ช่วย save งบในการ shopping ได้นะจ๊ะ
สุดท้ายนี้ ขอบคุณทาง Smooth E และพี่ๆ ทีมงาน vanilla มากๆ เลยนะคะ ^^