สวัสดีค่ะ หวาน WaanSannie เอง
หลายๆคนคงกำลังสงสัยกันบ้างหรือเปล่าคะ
ว่าเราควรเลือกกันแดดยังไงให้ป้องกันแดด
ที่แสนจะร้อนได้ดีที่สุด เพราะแดดเมืองไทยมันร้อนมากๆๆๆๆๆ
ไม่อยากจะออกจากบ้านไปไหนเลย
วันนี้หวานขอเล่าแบบยาวๆหย่อยก็แล้วกัน
แต่ถ้าเพื่อนๆไม่อยากอ่านก็ไปฟังกันได้ในคลิปนะคะ
ก่อนอื่นมารู้จักรังสียูวีกันดีกว่าค่ะ
รังสียูวีมี 3 ประเภท คือ UVA UVB UVC
รังสี UVA คือ รังสีที่มีความยาวคลื่นประมาณ 320 - 400 nm
จะมีอำนาจทะลุทะลวงสูงมาก อยู่ในรถยังทะลุมาได้เลย
รังสี UVA จะทำให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำต่างๆ
รังสี UVB คือรังสีที่มีความยาวคลื่นประมาณ 290 - 320 nm
รังสียูวีบีจะทำให้ผิวไหม้ หมองคล้ำ
ส่วนรังสี UVC รังสีนี้จะมีความยาวคลื่นที่ค่อนข้างสั้น
อันนี้ไม่ขอพูดถึงนะคะ
ส่วนวิธีที่จะป้องกันก็คือการใช้ครีมกันแดดนั่นเอง
แต่ครีมกันแดดก็ไม่ใช่ครีมกันแดดที่ไก่กาอาราเล่
แต่ต้องเป็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ Pa นั่นเอง
ถ้าสังเกตุตามแพ็คเกจของครีมกันแดดแล้วหละก็
จะเห็นได้ว่าจะมีค่า SPF ที่ระบุเป็นตัวเลขๆอยู่
ซึ่งตัวเลขนี้จะบ่งบอกถึงระยะเวลาในการทำให้ผิวไหม้
จากรังสี UVB กี่เท่าเทียบกับการไม่ทาครีมกันแดด
เช่น ถ้าหวานไม่ทากันแดดแล้วไปตากแดด
และจับเวลา ผิวของหวานแดงในเวลา 10 นาที
แต่ถ้าหวานทา ครีมกันแดด SPF50
แสดงว่าหวานจะป้องกันผิวแดงไหม้ได้ 10 เท่า
คือ 500 นาที หรือประมาณ 8 ชั่วโมง
แต่ๆๆๆๆตัวเลขนี้ไม่ใช่เลขที่ตายตัวนะคะ
ว่าทา SPF50 แล้วจะอยู๋ได้นานถึง 8 ชั่วโมง
มันขึ้นกับแดด ด้วย วันนั้นอาจจะแดดแรงเวอร์
หรือเหงื่อที่ออกมาอีก และที่สำคัญที่สุดคือปริมาณที่
ทาครีมกันแดดอีก เพราะเวลาเค้าทดสอบกันแดด
จะใช้กันแดดที่ 2 mg ต่อผิวหน้่า 1 ตร.ซม. นะคะ
เพราะฉะนั้นเวลาทากันแดดก็ต้องใช้มากพอสมควรเลย
ส่วนค่า PA คือ Protecrtion Grade of UVA
คือระดับการป้องกันผิวจากรังสี UVA นั่นเอง
ค่านี้จะบอกค่าเป็น + ซึ่งยิ่งบวกเยอะยิ่งป้องกันได้ดีค่ะ
เพราะฉะนั้นแล้วหวานขอสรุปเลยก็แล้วกันนะคะ
ไม่ว่าใครก็ตาม ผิวแห้ง ผิวมัน เป็นสิว หน้าใส
ก็ควรทาครีมกันแดดนะคะ
ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาผิวตามมาทีหลังได้
และครีมกันแดดควรมีค่า SPF (หวานจะเลือก SPF50)
และมีค่า PA++++ ค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยขน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ
แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้านะคะ
สามารถติิดตามเป็นกำลังใจให้หวานได้ที่
Youtube / Facebook / IG - Twitter ค้นหาคำว่า>> WaanSannie