เป็นกันไหมคะสาวๆ ใช้รองพื้นแบรนด์ไหนที่เคลมว่าคุมมัน กันน้ำนักหนา ผ่านไปไม่ทันไรก็หน้าเยิ้มเหมือนกระทะทอดไข่!! แถมยังทำให้หน้าดรอปหมองระหว่างวันเข้าไปอีก T^T ไหนจะเป็นคราบด้วย...ไม่เวิร์คเลย ยังไม่พอบางแบรนด์ก็หนักหน้าเกินไป ดูโบ๊ะจนหนาเตอะ หืมมมม ก็อย่างว่าแหละค่ะ บางแบรนด์ไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อผิวสาวไทยโดยเฉพาะ ก็ต้องมีเจอปัญหาแบบนี้เป็นเรื่องปกติแหละเนอะ พลอยเองก็เจอค่ะ ^__^ จนวันนึงพลอยมีโอกาสได้ลองใช้รองพื้นแบรนด์นึงที่ถูกพัฒนาในแลปคนไทย และยังเข้ากับสีผิวสาวไทยเอเชีย รวมทั้งยังเหมาะกับสภาพอากาศอันร้อนอบอ้าวตอนนี้ด้วย ตอบโจทย์ปัญหาสาวผิวมัน ผิวผสมมากๆ พลอยงี้ปลื้มเลยค่าาา ซึ่งรองพื้นแบรนด์ที่เอ่ยถึงก็คือ Labrary หลอดนี้ค่ะ จะดีงามอย่างไรไปอ่านกันเลยจ้าาา...
สำหรับ labrary Mat Matte Cover Foundation SPF30PA+++ หลอดนี้เป็นรองพื้นแบรนด์น้องใหม่ที่ถูกพัฒนามาจากแลปคนไทย และถูกพัฒนาให้เหมาะกับผิวสาวไทยเอเชียโดยเฉพาะ และยังเป็นรองพื้นที่เหมาะกับสาวๆผิวผสม ผิวมันเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเนื้อแมทท์ที่เซ็ทตัวเป็นแป้งทันทีโดยไม่ทำให้ผิวมันเพิ่ม และช่วยคุมมันได้อย่างมีประสิทธิภาพค่า
นอกจากคุมมันได้ดีแล้ว ยังติดทนทานถึง 12 ชั่วโมงโดยไม่ทำให้ดรอปหมอง!! และยังช่วยปกปิดรอยสิว รอยดำ ฝ้า กระ หรือ รอยแผลเป็นต่างๆบนผิวหน้าได้แบบ Full coverage ที่สำคัญไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และพาราเบน สาวๆที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายใช้ได้ค่า แล้วก็ยังมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยค่า SPF30 PA+++ และแสงสีฟ้าที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยนะ ยังไม่พอยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ PM 2.5 ด้วยนะเออ
รองพื้นแลปแบรรี่ เค้ามีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ก็คือ
สี 021 Creamy (ครีมมี่) - เป็นสีที่สว่างที่สุด เป็นสีที่เหมาะสำหรับสาวๆที่เฉดผิวขาว, ขาวโทนเหลืองค่า
สี 023 Vanilla (วานิลลา) - เป็นสีที่เหมาะกับสาวๆที่มีผิว 2 สี แต่สาวเฉดผิวขาวก็ใช้ได้นะคะ เพราะเป็นสีที่กลมกลืนเข้ากับสีผิวสาวเอเชียที่สุด
สี 025 Honey (ฮันนี่) - สาวผิวสีน้ำผึ้ง ผิวเข้มต้อเฉดสีนี้เลยจ้า สีนี้ไม่ทำให้สาวๆผิวเข้มดูเขียว หรือ เทา แน่นอนจ้า
ส่วนตัวพลอยใช้เฉดสี 021 Creamy ค่า เพื่อพลอยอยากให้ผิวดูสว่างขึ้นค่ะ แต่ถ้าหากสาวๆคนไหนที่ต้องการปกปิดมากๆ อย่างเช่น รอยดำ รอยกระ ฝ้าหนาๆที่มีสีเข้มมาก พลอยแนะนำให้เลือกสีที่เข้มกว่าสีผิว 1 ระดับนะคะ
ลองสวอชทาทับตัวหนังสือที่เขียนด้วยอายไลเนอร์แล้ว ก็ถือว่าปกปิดได้ระดับดีทีเดียว
ตัวรองพื้นพอทาลงบนผิวปุ๊บ ก็เซ็ทตัวเป็นแป้งทันทีใน 1 นาที โดยที่ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลยแม้แต่น้อย พลอยลองเอากระดาษซับมันซับดูก็ไม่มีความมันติดออกมาเลย มันโอเคเลยเน้อ!
ข้อดีอีกข้อของรองพื้นตัวนี้ก็คือกันน้ำ กันเหงื่อไหลได้ด้วยจ้า เพราะฉะนั้นต่อให้พรมน้ำ หรือ เปิดน้ำราดขนาดไหนก็ไม่หลุด! เอากระดาษทิชชู่ซับน้ำออกก็ยังติดทน ไม่เป็นคราบ
เนื้อรองพื้นเค้าดีเลยค่ะทุกคน แม้จะเข้มข้นและเหมือนจะหนา แต่กลับผิดคาด >__< พอเกลี่ยลงบนผิวหน้า...กลับเกลี่ยง่าย เนื้อเนียนนุ่มไปกับผิวกันเลย และไม่รู้สึกหนักผิวเลย แต่ต้องรีบเกลี่ยให้ทั่วหน้าหน่อย เพราะแห้งไวเว่อร์
เปรียบเทียบแบบครึ่งหน้าให้ชมค่ะ จากผิวที่มันช่วงหน้าผาก จมูก คาง พอทารองพื้นลง...ผิวหน้าก็ดูแมทท์ทันที ตอนแรกก็แอบกังวลว่าจะวอกไหมนะ?? เพราะเลือกเฉดสีขาวสุดมา แต่ก็ไม่ผิดหวังเลยค่า เพราะรองพื้นไม่ได้ขาวไปกว่าผิวจริงเท่าไหร่เลย และยังทำให้ผิวดูสว่างตามที่ต้องการจริงๆเน้อ (ตอนแรกพลอยผิวขาวกว่านี้ค่ะ แต่เพราะตากแดดตอนไปเที่ยวมาเลเกือบทุกวัน แล้วไม่ได้ทากันแดดซ้ำก็เลยหมองค่า)
เป็นรองพื้นที่สมคำเคลมของแบรนด์จริงๆ ให้ลุคผิวแมทท์ที่ดูเป็นงานผิวเหลือเกิน ไม่ได้แมทท์จนแห้งแคร็ก ยังมีความฉ่ำนิดๆ คือโดยรวมแล้วไม่ต้องทาแป้งซ้ำก็รอดค่ะ สามารถแต่งหน้าต่อได้ทันทีเลย ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ
ส่วนเรื่องการปกปิดก็ช่วยปกปิดรอยสิว รอยแดงเล็กๆได้ดีนะคะ แต่ถ้ารอยแผลเป็นที่ใหญ่กว่ารอยสิวจะยังกลบได้ไม่มิดเท่าไหร่ แต่เนื้อรองพื้นสามารถบิ้วขึ้นได้อีกถ้าต้องการปกปิดมากๆ โดยไม่ทำให้วอกลอยจ้า (จากในรูปพลอยทารองพื้นแค่รอบเดียว ไม่ได้บิ้วเพิ่มและไม่ได้ทาคอนซีลเลอร์ค่า)
ประสิทธิภาพเรื่องคุมมันถือว่าได้ระดับปานกลางค่ะ จากในรูปที่พลอยออกไปทำธุระข้างนอกและไปกินหมูกระทะกลับมา ก็ยังไม่มีคราบแม้แต่น้อย แต่ผิวยังดูสวยอยู่นะ (แค่เปลี่ยนจากผิวแมทท์มาเป็นงานผิวฉ่ำเท่านั้นเอง และเนื้อรองพื้นยังไม่หลุดเน้อ ซับๆมันออกนิดหน่อยผิวก็แมทท์เหมือนเดิมค่ะ)
สรุปแล้วพลอยพึงพอใจกับรองพื้นแลปแบรรี่มากๆ เพราะคุมมัน กันน้ำ กันเหงื่อ กันแดด ครบจบในหลอดเดียว! แถมไม่ต้องทาแป้งซ้ำ ผิวก็ยังสวยเนียนเป็นธรรมชาติ ใช้แล้วไม่ทำให้อุดตันผิวเพิ่ม (แต่ก็ต้องทำความสะอาดผิวให้ดีๆนะคะ ไม่ควรละเลยอยู่ดี ^__^) เป็นรองพื้นเนื้อแมทท์ที่อยากให้สาวไทยที่มีผิวมัน ผิวผสมลองเลยค่ะ ดีต่อใจ ดีต่อผิว และดีต่อเงินในกระเป๋าสตางค์นะ สำหรับวันนี้ก็ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะคะ ^__^
