เป็นการค้นพบสูตรโดยบังเอิญจริงๆ คือตอนแรกริมฝีปากแห้งมาก แห้งแบบแตกเลือดซิบเลย นิสัยเสียขี้เกียจทาลิปบาล์มมาหลายวัน เลยผสมสูตรเอง เอาตัวนั้นตัวนี้มาโปะๆทาๆ แก้ริมฝีปากแห้ง แต่กลับกลายเป็นว่า มาสังเกตอีกที ว้ายตายล้าววววว!!!!! ริมฝีปากที่หมองคล้ำกลับจางลงซะงั้น แถมยังดูชมพูขึ้นอีก 1 เฉดแน่ะ กรี๊ดสิจ้ะ อดใจเก็บไว้ไม่ได้ เลยขอมาบอกบุญให้สาวๆกัน ริมฝีปากจะได้ชมพูกันถ้วนหน้า
Step 1 เริ่มจากใช้ออยล์ของ CHROMZ Timeless Oil และ LHAMOUR Anti-Pollution Facial Oil มา Mix กัน
ตัว CHROMZ Timeless Oil มีส่วนผสม 100% Extra Virgin Olive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และ LHAMOUR Anti-Pollution Facial Oil มีส่วนผสมเข้มข้นจาก Sea Buckthorn, Avocado Oil, Rosehip Oil ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งและยังลดริ้วรอย เลยคิดว่าสองตัวนี้น่าจะช่วยลดอาการแห้งแตกของริมฝีปากได้ดีและเร็ว เบนซ์ผสมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ปริมาณตามรูปเลยค่าาา ใช้นิ้วแตะที่ดรอปเปอร์เอาค่ะ แตะนิดเดียวพอนะคะ เพราะถ้าหยดมาเลยจะเยอะเกินไปและทำให้ริมฝีปากมันเยิ้มได้ ผสม 2 ตัวให้เข้ากันแล้วนำมาแตะริมฝีปากให้ทั่ว ช่วงแรกเบนซ์ใช้เช้าและก่อนนอนเลย หลังๆทาแค่ก่อนนอนหลังจากนั้นมา Step ที่ 2 ขอแบ่งเป็นช่วง Day & Night นะคะ -Day หลังจากลงออยล์เรียบร้อย เบนซ์จะทาลิปบาล์ม มีทั้ง Caudalie (ซื้อได้ที่ Sephora ราคาประมาณ 300 กว่าบาท) และ Mentholatum (ได้เป็นของฝากจากมาเก๊า) ตัวนี้ทาแล้วจะออกเย็นนิดๆ กลิ่นคล้ายๆลูกอมฮอลล์สองตัวนี้ เบนซ์สลับกันใช้ ตัว Caudalie จะให้ความชุ่มชื้นมากกว่าแต่เนื้อจะหนักกว่าตัว Mentholatum แถมรู้สึก Caudalie จะหมดไวกว่าด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ส่วน Mentholatum เนื้อจะลื่น ทาง่าย ให้ความชุ่มชื้นดีมากเลยนะ -Night หลังจากลงออยล์แล้ว เบนซ์ใช้ลิปบาล์มของ Kiehl’s Lip Balm #1 ตัวนี้คือที่สุด เป็นตัวแรกที่ซื้อใช้ตั้งแต่ตอนคีลล์มาเปิดสาขาแรกในไทย และซื้อใช้มาเรื่อยๆ ราคาไม่แพงด้วย เบนซ์จะทาเยอะนิดนึง โปะบริเวณที่แตก เช้าวันรุ่งขึ้นบริเวณที่แตกแสบๆหายเลยจ้า เนื้อจะเข้มข้นและให้ความมันวาวที่ริมฝีปาก ใช้ตอนกลางคืนดีที่สุด โปะคีลล์แล้วไปนอน เช้ามาใช้ทิชชู่ซับ เป็นอันจบพิธี แนะนำตัวนี้แรงๆ ใครริมฝีปากแห้งแตกเยินขนาดไหน ตัวนี้เอาอยู่แน่นอน คืนเดียวรู้เรื่อง
ตัว CHROMZ Timeless Oil มีส่วนผสม 100% Extra Virgin Olive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และ LHAMOUR Anti-Pollution Facial Oil มีส่วนผสมเข้มข้นจาก Sea Buckthorn, Avocado Oil, Rosehip Oil ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งและยังลดริ้วรอย เลยคิดว่าสองตัวนี้น่าจะช่วยลดอาการแห้งแตกของริมฝีปากได้ดีและเร็ว เบนซ์ผสมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ปริมาณตามรูปเลยค่าาา ใช้นิ้วแตะที่ดรอปเปอร์เอาค่ะ แตะนิดเดียวพอนะคะ เพราะถ้าหยดมาเลยจะเยอะเกินไปและทำให้ริมฝีปากมันเยิ้มได้ ผสม 2 ตัวให้เข้ากันแล้วนำมาแตะริมฝีปากให้ทั่ว ช่วงแรกเบนซ์ใช้เช้าและก่อนนอนเลย หลังๆทาแค่ก่อนนอน
หลังจากนั้นมา Step ที่ 2 ขอแบ่งเป็นช่วง Day & Night นะคะ
-Day หลังจากลงออยล์เรียบร้อย เบนซ์จะทาลิปบาล์ม มีทั้ง Caudalie (ซื้อได้ที่ Sephora ราคาประมาณ 300 กว่าบาท) และ Mentholatum (ได้เป็นของฝากจากมาเก๊า) ตัวนี้ทาแล้วจะออกเย็นนิดๆ กลิ่นคล้ายๆลูกอมฮอลล์
สองตัวนี้ เบนซ์สลับกันใช้ ตัว Caudalie จะให้ความชุ่มชื้นมากกว่าแต่เนื้อจะหนักกว่าตัว Mentholatum
แถมรู้สึก Caudalie จะหมดไวกว่าด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ส่วน Mentholatum เนื้อจะลื่น ทาง่าย ให้ความชุ่มชื้นดีมากเลยนะ
ไม่มีรูป Before นะจ้า เพราะไม่คิดว่าจะมาเขียนรีวิว เลยมีแต่รูป After จ้า ด้านซ้ายคือหลังจากลองสูตรไปแล้วประมาณเกือบเดือน รูปที่สองเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือน จะเห็นได้เลยว่าความหมองคล้ำที่ริมฝีปากมันจางลง และดูชมพูขึ้นมานิดๆ
เบนซ์คิดว่าปัจจัยที่ช่วยลดความหมองคล้ำน่าจะเป็นออยล์สองตัวที่เอามาเพิ่มใช้กับริมฝีปากมากกว่าค่ะ เพราะลิปบาล์มใช้มานานแล้ว นอกจากช่วยลดความหมองคล้ำแล้ว รู้สึกว่าช่วยลดริ้วรอยเล็กๆบริเวณริมฝีปากด้วยน้า โชคดีอะไรแบบนี้ ลอง mix เองดันได้ปากชมพูมาซะงั้น ปลื้มมมมม ลองทำตามดูนะคะ ออยล์สองตัวนี้สามารถเอามาใช้ทาหน้าได้ เวลาใช้ก็เผื่อแตะริมฝีปากไปด้วย หน้าสวยปากก็สวย ยั่วๆชวนผู้จุ๊บจ้าาา
เบนซ์คิดว่าปัจจัยที่ช่วยลดความหมองคล้ำน่าจะเป็นออยล์สองตัวที่เอามาเพิ่มใช้กับริมฝีปากมากกว่าค่ะ เพราะลิปบาล์มใช้มานานแล้ว นอกจากช่วยลดความหมองคล้ำแล้ว รู้สึกว่าช่วยลดริ้วรอยเล็กๆบริเวณริมฝีปากด้วยน้า
โชคดีอะไรแบบนี้ ลอง mix เองดันได้ปากชมพูมาซะงั้น ปลื้มมมมม
ลองทำตามดูนะคะ ออยล์สองตัวนี้สามารถเอามาใช้ทาหน้าได้ เวลาใช้ก็เผื่อแตะริมฝีปากไปด้วย หน้าสวยปากก็สวย ยั่วๆชวนผู้จุ๊บจ้าาา
▲