นั่นก็คือ "N&A Argan Remix Oils Pure Essential 100%" ใช้จนจะหมดขวดล่ะ แล้วคือตอนนี้เค้าออกออยล์สูตรใหม่มา เราก็ไม่พลาดตามไปสอยมาลองใช้อีกนั่นแหละ แต่ทีนี้พอใช้แล้วเราว่าดีไม่แพ้ตัวเดิมเลย อาจจะมีการปรับสูตรใหม่เล็กน้อยให้ไฉไลกว่าเดิม....ก็เลยคิดว่าเอามารีวิวให้ดูกันดีกว่าว่าออยล์ของ N&A ทั้ง 2 สูตรนี้เค้าต่างกันยังไงบ้าง เผื่อใครที่กำลังเล็งๆ ไว้จะได้ตัดสินใจถูกว่าจะซื้อสูตรไหนดี
แต่ก่อนจะไปดูว่าทั้ง 2 สูตรต่างกันยังไง เราขอพูดเรื่องสรรพคุณของออยล์ N&A อีกรอบเนอะว่าเค้าดีขนาดไหน ทำไมเราใช้แล้วติดใจ คือปกติออยล์บำรุงผิวทั่วๆ ไป เค้าก็จะสกัดจากออยล์แค่ชนิดเดียว แต่สำหรับออยล์ของ N&A เค้าได้รวมออยล์เอาไว้ด้วยกันถึง 3 ชนิดเลยจ้า
โดยทั้ง 3 ชนิดนี้ก็เป็นราชาและราชีนีของออยล์ทั้งนั้น ได้แก่ น้ำมันอาร์แกน น้ำมันโรสฮิป น้ำมันเมล็ดองุ่น ซึ่งเท่าที่เราหาข้อมูลมายังไม่มีออยล์ของแบรนด์ไหนทำแบบนี้เลย ทำให้เวลาใช้แล้วประสิทธิภาพการบำรุงผิวต่างๆ นั้นก็จะมีมากกว่าออยล์ทั่วๆ ไปด้วยล่ะ เริ่ดเนอะ....ทีนี้มาดูกันต่อเลยว่าทั้งสูตรเค้ามีอะไรยังไงต่างกันบ้าง
เริ่มที่สูตรเก่ากันก่อน จะมาเป็นขวดสีเขียวแบบคุ้นหน้าคุ้นตากัน โดยสูตรนี้เค้าจะเป็น ออยล์แบบ Pure Essential 100% สกัดเย็น ซึ่งวิธีการสกัดเย็นนี้ถือเป็นกระบวนการที่ดีที่สุด ทำให้คุณคุณค่าและสารอาหารต่างๆ อยู่ครบพร้อมที่จะเข้าไปบำรุงผิวเราได้อย่างเต็มที ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในเรื่องฟื้นฟูผิวต่างๆ ช่วยสร้างคลอลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอยรวมไปถึงรอยดำรอยแดงจากสิวให้จางลงได้
ขวดรุ่นเก่าจะมาแบบหัวบีบแบบนี้เลยจ้า
เนื้อออยล์ก็จะมีความใสมีออกสีธรรมชาติ เนื้อเหลว กลิ่นอ่อนๆ เฉพาะตัว ไม่ฉุนเลย
อ่ะและก็มาถึงสูตรใหม่แพคเกจดูต่างจากเดิม แต่ส่วนผสมยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เป็น Oils Pure Essential จากธรรมชาติ 100% และรวม ออยล์ 3 ได้แก่ น้ำมันอาร์แกน น้ำมันโรสฮิป น้ำมันเมล็ดองุ่นชนิดนี้ก็เป็นราชาและราชีนีของออยล์เอาไว้
แต่ที่เพิ่มเติมขึ้นคือเค้าปรับคุณภาพให้เป็นเกรดออร์แกนิค สัญลักษณ์ USDA ORGANIC เป็นตรารับรองอาหารและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคของสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติมมาด้วย (อนนี้แหละคือความต่างของสูตรใหม่ ซึ่งทำให้สาวกออร์แกนิคมั่นใจได้เลยว่า ออยล์ขวดนี้ได้คุณภาพตามมาตรฐานแน่นอน (ตอนนี้กระแสออร์แกนิคกำลังมาแรง ใครที่เป็นสาวเฮลตี้ ใช้ได้สบายเลยจ้า)
แต่สูตรใหม่ขวดเค้าจะมาแบบหัวปั๊ม อันนี้ส่วนตัวเราชอบมาก เพราะรู้สึกว่าใช้ง่ายขึ้นเยอะ กดปั๊มๆ ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะ อิอิ
เนื้อออยล์เค้าก็ใสและเหลวเข้มข้นเหมือนเดิมเลยแต่รู้สึกว่าสีเค้าจะใสกว่าสูตรแรกหน่อยนะ กลิ่นก็อ่อนๆ เป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของเค้าแหละ
เราลองเปรียบเทียบให้ดูเนื้อออยล์ของทั้ง 2 สูตรนะ
จะเห็นเลยว่าเนื้อออยล์เค้าเหมือนเดิมเลย เวลาทาลงผิวแล้วก็มีความซึมไว ผิวชุ่มชื้นเหมือนกัน...เอาจริงเราว่าไม่ว่าจะสูตรเก่าหรือสูตรใหม่คุณภาพก็ไม่ด้อยกว่ากันเลย ใครที่มีสูตรเก่าอยู่ก็ใช้ไปก่อน (หมดแล้วค่อยซื้อเพิ่มเนอะ)
ส่วนใครที่กำลังจะซื้อมาลองใช้ แนะนำเป็นสูตรใหม่กันไปเลย หรือสาวๆ คนไหนที่เป็นเสายคลีน เฮลตี้ ชอบใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคอยู่แล้ว ก็ใช้สูตรใหม่ที่เป็น มาตรฐาน USDA ORGANIC ได้เลย เพราะสูตรนี้เค้าเน้นกันตั้งแต่เรื่องการหาวัตถุดิบเลยล่ะ จะเป็นแบบที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี คัดมาอย่างดีถึงจะได้การรับรองตามมาตรฐาน จนได้รับตราสัญลักษณ์ USDA
ส่วนตัวเราชอบสูตรใหม่ตรงที่มีความใช้ง่ายกว่าตรงหัวปั๊มนี่แหละ เหมาะที่จะพกพาไปไหนได้สะดวกน้ำหนักเบาด้วย ส่วนสูตรเก่าก็เอาไว้ใช้ที่บ้านวางบนโต๊ะเครื่องแป้งเกร๋ๆ ไป
แถมให้อีกนิดสำหรับคนที่เป็นมือใหม่ อยากลองใช้ออยล์ แล้วไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง?
โดยปกติแล้วเราจะใช้ออยล์ตัวนี้หลากหลายแบบนะ เพราะเค้ามีประโยชน์เยอะมาก ไม่ใช้แค่เอามาทาบำรุงอย่างเดียวเน้อ เวลาใช้เราจะใช้แค่ 2-3 หยดพอ หลักๆ เราจะชอบเอามาทาหน้านี่แหละ ใช้แบบแทนมอยเจอร์ไรเซอร์ แล้วเน้นใต้ตาเยอะหน่อยช่วยลดริ้วรอยได้ดี ส่วนใครที่เป็นสิว ออยล์นี้ก็ช่วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวอุดตัน สิวอักเสบ ทาออยล์ไปเลยจ้าเค้าจะไปสมาน ลดการอักเสบต่างๆ ได้ สิวยุบแน่นอน!
นอกจากนี้ก็ยังเอามาผสมรองพื้นด้วยเพราะเราเป็นคนหน้าแห้ง เวลาลงรองพื้นชอบเป็นคราบเวลาใช้ออยล์ผสมแล้วเกลี่ยรองพื้นง่ายขึ้นเยอะเลย และสุดท้ายที่ทำบ่อยก็คือเอาทาผิวตัวรวมไปถึงพวกมือและเล็บด้วย ช่วงที่ผิวแห้งหรือใครที่อยู่ห้องแอร์บ่อยๆประจำ น่าจะรู้เนอะว่าผิวจะแห้งกว่าปกติ ออยล์นี่ก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ชอบสูตรไหนก็ลองหามาใช้กันดู ดีทั้ง 2 สูตร เลือกได้ตามสะดวก ใช้ดีทั้งคู่เลยจ้า ไปลองหามาใช้กันดูน๊า คราวหน้าจะมีอะไรดีมาแชร์กันอีก รอติดตามกันด้วยนะ วันนี้ไปแล้วจ้า บ้ายย บายย
…………………………………………………………………………………………..
| Tweet |