Medileen จากนวัตกรรม และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง สู่เวชสำอางค์คุณภาพ!!
Medileen จากนวัตกรรม และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง สู่เวชสำอางค์คุณภาพ!!
Medileen |
หลายครั้งที่เราเลือกสกินแคร์จาก Story ความรู้สึก และรีวิวต่างๆ แต่สุดท้ายเราก็มักจะวกกลับมาสู่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสนใจเรื่องราวเหล่านี้ นั้นก็คือนวัตกรรม การคิดค้นและพัฒนาสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญ เพราะส่วนตัวแล้วเรามีความเชื่อว่า "ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทุกอย่างย่อมผ่านการค้นคว้า ทดลอง และพัฒนา" อย่าง Medileen แบรนด์เวชสำอางค์สัญชาติอเมริกา ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์มากกว่า 45 ปี
และ 2 ไอเทมที่เราเลือกมาลองในครั้งนี้คือ Revive Factor Plus+ และ Dark Spot Corrector เรียกว่าเป็นพระเอก และนางเอกของแบรนด์เลยก็ว่าได้ โดยเราได้ทดลองผลิตภัณฑ์และสังเกตุผลการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องรอยแดง-รอยดำและรูขุมขน ซึ่งก็ผ่านไปพอสมควรจนพอที่จะสรุปให้ฟังถึงผลลัพธ์และความเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เลยขอหยิบมาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังเอาเป็นว่าไปชมพร้อมๆ กันเลยฮะ...
Medileen Revive Factor Plus+ (2,750.-/30ml.)
Medileen Revive Factor Plus+ |
เซรั่มทรงประสิทธิภาพที่ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ด้วยส่วนผสมของ Active Peptide มากกว่า 30 ชนิด จากการศึกษาผลวิจัยของมหาวิทยาลัยแพทย์ผิวหนังและโรงพยาบาลชั้นนำต่างๆ ใน สหรัฐอเมริกา อาทิ University of Rochester School of Medicine, Columbia University College of Physician and Surgeons. Well Medicine College of Cornell University ทำให้แลปของ Medileen เป็น 1 ใน 7 แลปเวชสำอางทั่วโลกที่สามารถผลิต Active Peptide ได้หลากหลายชนิด จนได้ชนิดที่ให้ผลลัพธ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เซรั่มขวดนี้จะช่วยฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดเลือนริ้วรอยและเม็ดสีที่ผิดปกติ กลับสู่วัยเยาว์อีกครั้ง
Texture / Scent / Packaging
Medileen Revive Factor Plus+ |
- Texture : เนื้อเซรั่มในรูปแบบ Liquid มีความบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ค่อนข้างไว เหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุช่วงนี้เป็นที่สุด
- Scent : จากที่เราลองใช้และพลิกดู Ingredient Lists เราไม่เห็นว่ามีส่วนผสมของ Fragrance Component และไม่ได้กลิ่นอะไรโดดออกมาเป็นพิเศษเน้อ
Medileen Revive Factor Plus+ |
- Packaging : เซรั่มขวดนี้มาในรูปแบบ Airless Pump ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เราเลิฟที่สุด เพราะช่วยคงคุณค่าสารสกัดต่างๆ ไว้ได้ยาวนานที่สุด และที่สำคัญยังสะดวกและใช้งานง่ายอีกด้วยหละ
เมื่อพลิกดูส่วนผสมที่ทางแบรนด์ใส่เข้ามาต้องบอกว่าค่อนข้างโหดทีเดียว เรียกว่าเป็นการรวมตัวกันของ Growth Factor ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่เซลล์ใช้สื่อสารระหว่างกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโต การซ่อมแซม และการเปลี่ยนไปเป็นเซลล์เฉพาะหลายชนิด ซึ่งตัวที่เรามองว่าน่าสนใจคือ :
- - HGF (Hepatocyte Growth Factor) ช่วยส่งเสริมการสมานของผิว (ทำให้รอยแผลเป็นของสิวลดลง) และ เพิ่มจำนวนเซลล์ macrophages สำหรับการจัดเรียงแผลเป็นให้เป็นปกติ ลดการเกิดแผลเป็นชนิดคีรอย
- - TGF-B (Transforming Growth Factor Beta) มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดที่ผิว ทำให้การทำงานของผิวสมดุลและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อีกด้วย
- - FGF (Fibroblast Growth Factor) ทางผู้ผลิตเคลมว่ามีส่วนช่วยในการกระตุ้นการคอลลาเจนใหม่ และช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
- - IFNg (Interferon Gamma) เป็นหนึ่งในสารต้านเชื้อจุลชีพ (ไวรัส และ แบคทีเรีย) และมีฤิทธ์ในการเพิ่มเซลล์เพรชฆาต (NK Cell) เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมบนผิว
และยังใส่ PDGF (Platelet Derived Growth Factor) : ช่วยกระตุ้นการสร้างไฟโบรบลาส (Fibroblasts) เพิ่มการสร้างเส้นเลือดใหม่เพื่อให้เซลล์ทำงานและซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรียกว่าอัดส่วนผสมมาแบบเต็มแมกซ์ไม่มียั้งกันเลยทีเดียวหละ
Medileen Dark Spot Corrector (1,750.-/30ml.)
Medileen Dark Spot Corrector |
เซรั่มเนื้อบางเบาในรูปแบบนาโนโซมทรงประสิทธิภาพ ที่มีขนาดเล็กในระดับนาโนเมตร ให้การฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึก เพื่อผิวสว่าง กระจ่างใส เกิดจากการผสมผสานส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่าง White-Bio Complex ส่วนผสมที่มีเฉพาะแบรนด์ Medileen เท่านั้น เป็นส่วนผสมที่ถูกออกแบบมาเพื่อปรนนิบัติผิวคล้ำเสียสะสมอย่างล้ำสมัย ผสานกับส่วนผสม Active Plant Cell จากพืชถึง 2.5 ล้านเซลล์ เพื่อให้ได้มาซึ่งเซลล์ต้นกำเนิดที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าของสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ ด้วยกลไกการทำงานที่ใหม่ หลากหลาย และแตกต่างจากไวท์เทนนิ่งทั่วไป จึงทำให้ Dark Spot Corrector สามารถฟื้นบำรุงให้ผิวคล้ำเสีย สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้ใน 3 สัปดาห์
Texture / Scent / Packaging
Medileen Dark Spot Corrector |
- Texture : เนื้อเซรั่มในรูปแบบ Liquid-to-Gel มีความเข้มข้นในระดับนึงเลยหละ แต่เมื่อเกลี่ยลงบนผิวกลับซึมเข้าสู่ผิวได้ค่อนข้างไว และไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว
- Scent : จากที่เราใช้และพยายามดม ผนวกกับการดูส่วนผสมเราคาดว่าทางแบรนด์เลือกใช้ Essential Oils ในการแต่งกลิ่น ซึ่งส่วนตัวแล้วเราไม่เจออาการแพ้ ระคายเคือง แถมยังเป็นกลิ่นโทน Citrus ในแนวที่เราชอบด้วยหละ
- Packaging : เซรั่มขวดนี้มาในรูปแบบ Airless Pump ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เราเลิฟที่สุด เพราะช่วยคงคุณค่าสารสกัดต่างๆ ไว้ได้ยาวนานที่สุด และที่สำคัญยังสะดวกและใช้งานง่ายอีกด้วย
Key Ingredients
- Niacinamide : วิตามิน B3 มีประโยชน์ต่อผิวในหลายด้าน อาทิ ช่วยลดริ้วรอย ลดรอยแดง/ดำ(hyperpigment) เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน และเซราไมด์ (ceramide) ให้ผิวแข็งแรงและต่อสู้กับการระคายเคือง (irritants) ต่างๆได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถลดความมันบนใบหน้า (sebum excretion) และยังเป็น Whitening Agent ที่ดีอีกด้วย ซึ่งทางแบรนด์ใส่มาลำดับที่ 2 ดูแลมีความเป็นไปได้ที่จะมีความเข้มข้น 6-10% เลยทีเดียวหละ ทำให้มีโอกาาสลดและรักษาสิวอักเสบได้อีกด้วย
- Tranexamic Acid : ทำหน้าที่ให้ผิวกระจ่างใส ลดการก่อตัวของเม็ดสี melanin เหมาะสำหรับการใช้แก้ปัญหาฝ้า และปัญหาผิวหมองคล้ำที่มีสาเหตุจากแสงแดด
- N-acetyl glucosamine(NAG) : จากที่เราลองหาข้อมูลพบว่าเมื่อใช้ร่วมกับ Vitamin B3 จะทำหน้าที่เป็น whitening ลดรอยจุดด่างดำ รวมถึงกระตุ้นให้ผิวสร้าง Hyaluronic Acid ได้ตามธรรมชาติ ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น และช่วยลดริ้วรอยได้ แถมยังยังมีประสิทธิภาพในด้านการผลัดเซลล์ผิวโดยไม่ระคายเคืองผิว ทำให้ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้อีกด้วย
ส่วนสารสำคัญอย่าง White-Bio Complex ซึ่งประกอบด้วยสารสกัดจาพืชธรรมชาติถึง 11 ชนิดที่ทางแบรนด์เคลมไว้ และ Active Plant Cell ด้วยความที่ทางแบรนด์ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าประกอบด้วยสารใดบ้าง ดังนั้นเราจึงขอไม่หยิบยกขึ้นมาอ้างอิง เนื่องจากเราไม่สามารถให้ข้อมูลในส่วนที่ไม่แน่ชัดได้ขอรับ
Conclusion
Medileen Revive Factor Plus+ และ Dark Spot Corrector |
จากที่เราได้ทดลองใช้ทั้ง Medileen Revive Factor Plus+ และ Dark Spot Corrector จนหมดขวดอย่างต่อเนื่องมาราวๆ 1 เดือนครึ่ง จนพอที่จะสรุปให้ฟังถึงผลลัพธ์ของเซรั่มทั้ง 2 ตัวได้แล้ว เอาเป็นว่าเราไปชมภาพ Before - After กันก่อนเลยดีกว่าครับ...
Before - After : Using Medileen Revive Factor Plus+ และ Dark Spot Corrector |
จากที่ได้เห็นในภาพ Before - After ในภาพด้านบนเราขอสรุปเป็นหัวข้อๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจดังนี้ :
- รอยดำ-รอยแดง : จะเห็นได้ว่ารอยแดงจากสิวจางลงมากจนแทบจะมองไม่เห็นแล้วหละฮะ ส่วนในแง่ของรอยดำ/ฝ้า/กระ เป็นที่น่าประหลาดใจว่ารอยดำบนใบหน้าก็จางลงเช่นกัน อันนี้เรียกว่าเป็นอะไรที่ประหลาดใจเราอยู่ไม่น้อย เพราะว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราก็ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Dark Spot หลายตัว แต่ก็ยังไม่เจอตัวไหนที่ทำให้จางลงได้เลยแม้แต่น้อย
- การอักเสบบนผิว : ต้องยกความดีความชอบให้ Medileen Revive Factor Plus+ ในเรื่องการเยียวยารักษาอาการอักเสบที่เกิดจากสิวของเราได้ในเวลาอันสั้น เพราะนอกจากจะทำให้อาการอักเสบลดลงแล้ว ผิวยังดูเรียบ เนียนขึ้นอีกต่างหาก
- ความกระจ่างใส : ถ้าวัดจากภาพ Before - After บวกกับที่เราสังเกตุตัวเองแล้วหละก็ เรามองว่าใบหน้าเรามีความกระจ่างใสขึ้น จนอาจจะพูดได้ว่าผิวขาวขึ้นเล็กน้อยซะด้วยซ้ำ แต่...ทั้งนี้ก็อยากให้เพื่อนๆ เข้าใจด้วยว่าในช่วง WFH ที่ผ่านมาเราไม่ได้ออกไปไหนเลย ดังนั้นก็ไม่แปลกที่ผิวเราจะกลับสู่สภาพที่ขาวขึ้นเหมือนผิวเดิมของเรานั่นเองขอรับ
- รูขุมขน : น่าเสียดายที่ในส่วนนี้เรายังไม่เห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน จนถึงขนาดที่สามารถสรุปได้กว่ารูขุมขนนั้นกระชับ หรือเรียบเนียนขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเพราะเราใช้ไป 1 ขวดในระยะเวลา 1 เดือนกว่าๆ แต่รูขุมขนของเรานั้นเกิดขึ้นมาเป็นปีๆ แล้วจะให้หายไปเหมือน Photoshop นั้นคงเป็นเรื่องที่เกินความสามารถไปซักหน่อย
Medileen Revive Factor Plus+ และ Dark Spot Corrector |
โดยรวมแล้วเรามองว่า Medileen Revive Factor Plus+ และ Dark Spot Corrector เป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตามองทั้งในแง่ส่วนผสมที่ค่อนข้างหลากหลาย ใช้สารที่ค่อนข้างใหม่ มีงานวิจัยรองรับ จึงไม่แปลกที่จะช่วยให้ผิวโดยรวมดูกระจ่างใสขึ้น รอยดำ/รอยแดงจางลงได้จริง
แต่หากคาดหวังในเรื่องการ Anti-aging การสร้างเซลล์ผิวให้ ส่วนตัวแล้วเรามองว่า Skincare ยังมีข้อจำกัดในเรื่องนี้อยู่ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นหากเราใช้อย่างเข้าใจข้อจำกัดเหล่านั้น มองปัญหาของเราในแบบที่มับเป็นแล้วหละก็ Medileen จะเป็นสกินแคร์อีกแบรนด์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึงเลยหละฮะ!!
และแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ Based-on สภาพผิว ไลฟ์สไตล์ การดูแลตัวเอง และผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ซึ่งผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถตอบให้ได้เนื่องจากอาการแพ้ ระคายเคืองของแต่บุคคลนั้นมีปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่เพื่อนๆ จะลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่แบรนด์ใดก็ตาม เราแนะนำให้ทาบริเวณท้องแขนและลำคอ แล้วสังเกตุอาการแพ้อย่างน้อย 1 คืนก่อนใช้บนใบหน้าครับ
Tweet |