มั่นใจว่าดูแลดวงตาดีพอหรือยัง? โดยเฉพาะยุคที่คนส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานในแต่ละวัน จึงทำให้ดวงตากลายเป็นอวัยวะที่ต้องรับบทหนักมากที่สุด บ่อยครั้งที่ีการปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลดวงตาทำให้ดวงตาเสื่อมลงโดยไม่รู้ตัว ดูกันเลยดีกว่าว่าโรคเกี่ยวกับดวงตาแบบไหนที่เกิดขึ้นได้บ่อย พร้อมวิธีการดูแลรักษาดวงตาให้มีสุขภาพดีไปจนถึงวัยสว.
โรคฮิตที่เกิดกับดวงตา
- ต้อกระจก เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมของโปรตีนในเลนส์ตา ทำให้เลนส์แก้วตาขุ่น เมื่อความขุ่นมากจนถึงระดับหนึ่ง แสงจะผ่านเข้าไปไม่ได้ ทำให้เห็นภาพได้ไม่ชัดเจน บางครั้งอาจเห็นภาพซ้อน ตาสู้แสงไม่ได้ หรือเกิดอาการแทรกซ้อน ทำให้ตาบอดอย่างถาวรได้ พบมากในคนอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่นอกจากอายุที่มากขึ้นแล้ว โรคต้อกระจก ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น การได้รับรังสียูวีมากเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน หรือเกิดจากพันธุกรรม เป็นต้น
- ต้อหิน เกิดจากภาวะความดันในลูกตาสูงขึ้น จนทำลายเส้นประสาทตา ในระยะแรกเริ่ม อาจทำให้การมองเห็นภาพด้านข้างเสื่อมถอยลง จนเหมือนมองภาพผ่านท่อ จนไปถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุอาจมาจากวัยที่เพิ่มมากขึ้น กระจกตาที่บาง คนอาจเคยเกิดอุบัติเหตุกับดวงตามาก่อน การใช้สารสเตียรอยด์ เป็นต้น
- ตาแห้ง สาเหตุของอาการตาแห้งเกิดจากต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ หรือเกิดการอุดตัน จนไม่สามารถผลิตไขมันได้ หรืออาการภูมิแพ้ที่ตา หรือการใช้สายตาอย่างหนักก็เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการตาแห้งได้เช่นกัน
- ภูมิแพ้ขึ้นตา อาการเยื่อบุตาขาวอักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการคัน เคืองตา น้ำตาไหล ตาไวต่อแสง สาเหตุมาจากการที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อของที่แพ้ เช่น อากาศ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม คอนแทคเลนส์ เป็นต้น
- โรควุ้นตาเสื่อม อาการที่เกิดขึ้นเวลากลอกตา แล้วจะมองเห็นเส้นสีดำลอยอยู่ รบกวนการมองเห็น พบมากในคนมีอายุ หรือผู้ที่มีสายตาสั้นมาก หรือผู้ที่เคยรับอุบัติเหตุทางตามาก่อน
- โรคจอประสาทตาเสื่อม เกิดจากการจ้องมองจอสีฟ้าเป็นเวลานาน จนเซลล์จอประสาทตาค่อยๆ ตายลง จอประสาทตาจึงเสื่อม ทำให้เกิดอาการตาล้า แสบตา ปวดตา หรือตาแห้ง
ถนอมดวงตาอย่างไร? ให้ตาคู่สวยอยู่กับเราไปนานๆ
1. เครื่องทำความชื้น แก้ตาแห้งได้
ยุคดิจิทัล ทำให้แต่ละวันเราต้องใช้ดวงตาไปกับการจ้องหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ก่อให้เกิดอาการตาแห้งตามมา หากจำเป็นต้องนั่งทำงานนานๆ อาจใช้เครื่องทำความชื้น ช่วยเพิ่มความชื้นให้ห้องที่มีอากาศแห้งได้เป็นอย่างดี
2. แว่นกันแดด คือฮีโร่
รังสียูวีในแสงแดด ทำให้ดวงตาของเราเสื่อมเร็ว และมีโอกาสเป็นต้อกระจก ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง จึงควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้ง
3. อย่าเสียดายเครื่องสำอางเก่า
เครื่องสำอางเก่า หรือหมดอายุ หากนำมาใช้ อาจทำให้ดวงตาติดเชื้อได้ จึงควรเช็ควันหมดอายุของเครื่องสำอางที่ต้องใช้ใกล้บริเวณดวงตาอย่างสม่ำเสมอ และควรล้างหน้าให้สะอาดหลังจากแต่งหน้า
4. คอนแทคเลนส์นอน คือหายนะของดวงตา
นอกจากดวงตาจะเสี่ยงติดเชื้อแล้ว การนอนหลับไปพร้อมกับคอนแทคเลนส์ จะทำให้ดวงตาขาดออกซิเจน ก่อให้เกิดแผลในดวงตาและเยื่อบุตาอักเสบ จนนำไปสู่อาการตาบอดได้
5. ตาดีได้ ถ้าเลือกกินของดี
เลือกรับประทานผัก ผลไม้สด ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และแคโรทีนอยด์ จะช่วยปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าได้เป็นอย่างดี รวมถึงผักที่มีวิตามินสูง อย่างพวกผักบุ้ง แครอท ปวยเล้ง บร็อคโคลี่ อะโวคาโด ฟักทองและตำลึง เป็นต้น
6. ปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ในระดับสายตา
ไม่ควรนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ควรละสายตาจากหน้าจอทุกๆ 20 นาที ปรับแสงหน้าจอ ขนาดตัวอักษรให้พอเหมาะ และควรกะระยะห่างจากหน้าจอประมาณ 25 เซนติเมตร ช่วยป้องกันปัญหาตาแห้งได้
7. ตรวจสายตาสม่ำเสมอ
ช่วยในการค้นหาโรคเกี่ยวกับดวงตาในระยะเริ่มต้นได้ เพื่อที่จะทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสหายได้ง่ายกว่าการรักษาในช่วงที่มีอาการหนัก
ด้วยอาชีพหรือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้ต้องใช้สายตาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงไม่สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลดวงตาได้อย่างที่ตั้งใจ แต่อย่างน้อยการได้เริ่มต้นใส่ใจ ดูแลดวงตาของตัวเองวันละเล็กละน้อย ก็ช่วยยืดอายุสายตาของเราให้ยืนยาวขึ้นแล้ว