เมื่อผิวเริ่มมีปัญหา การทาครีมคงทำให้ปังไม่ไหว... นี่คือสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ และเชื่อว่าหลายๆ คน ก็คงเคยพบเจอกับชะตากรรมนี้ใช่ไหมล่ะคะ? ผิวพังทีไม่รู้จะแก้ไขยังไง บางทีหมดค่าครีมไปเกือบหมื่นก็ไม่หาย สุดท้ายเลยต้องกลับไปดูที่ต้นตอ ว่าสาเหตุมันมาจากอะไรกันแน่
ก่อนอื่นเราขอพูดถึงปัญหาของเราคร่าวๆ เราเป็นพนักงานออฟฟิศวัยย่างเข้า 28 ปี การทำงานของเราไม่มีความเป็นเวลาเอาซะเลย คือเราต้องเข้างานตามกะ บางครั้งก็มีไปดูงานที่ต่างจังหวัด ต้องฝ่าแดดฝ่าฝนสารพัด ถ้าถามถึงเรื่องการดูแลตัวเองอ่ะหรอ... สิ้นเดือนทีก็เอาเงินไปจ่ายกับครีมแพงๆ สิ่งที่ได้มาก็คือสภาพหน้าที่ไม่ต่างจากเดิม ที่นับวันมันก็ยิ่งโทรมเอาๆ ผิวหน้าแห้งกร้าน ไม่ละเอียด และเริ่มมีริ้วรอยให้เห็นประปรายแล้ว (นี่ขนาดยังไม่ 30 เลยนะ)
ตอนนั้นคือเครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยไปปรึกษาพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง นางเลยบอกมาว่า “สภาพผิวของเราขาดน้ำนะ ต้องทานอาหารที่มีคอลลาเจนเยอะๆ จะได้ช่วยฟื้นฟูผิว” ก็เริ่มเอะใจตรงคำว่า ‘คอลลาเจน’ ว่า มันดีอย่างไร กินเข้าไปแล้วมันช่วยได้จริงหรอ ดีกว่าครีมบำรุงจริงหรอ ดังนั้น เราจึงเริ่มหาข้อมูลอย่างละเอียด
คำว่า คอลลาเจน ที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แท้จริงแล้วเขาคือเส้นใยโปรตีนรูปแบบหนึ่ง พบได้ในกระดูก กระดูกอ่อน เนื้อเยื้อต่างๆ ทั้งในร่างกายคนและสัตว์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่... คอลลาเจนก็มีวันเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่ายเช่นกัน อันเนื่องมากจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเกิดความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การเผชิญกับมลภาวะต่างๆ และ อายุที่เพิ่มขึ้นตามวัย เป็นต้น
หากเราไม่หมั่นเติมคอลลาเจนเข้าไปในร่างกาย ผิวหนังของเราก็จะเหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียน เกิดริ้วรอย และดูหมองคล้ำ ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่สามารถทานแต่อาหารที่มีคอลลาเจนอย่างเดียวได้ตลอด เราจึงต้องหาตัวช่วยเสริมที่มีปริมาณคอลลาเจนเพียงพอต่อความต้องการ เพื่อจะได้มาบำรุง และจากการที่ได้ดูข้อมูลของแต่ละแบรนด์ในท้องตลาด มีเพียง 1 เดียวที่เข้าตาเรามากที่สุด นั่นก็คือ CHAME’ HYDOLIZED COLLAGEN TRIPEPTIDE PLUS หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ชาเม่ คอลลาเจน พลัส”
เราเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักแบรนด์นี้ ด้วยความที่ พี่ อั้ม พัชราภา ดื่มจริงและเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย ก็ดูน่าเชื่อถือ แล้วลองเสิชหาและถามคนรอบตัว ก็แนะนำว่า เป็นคอลลาเจนอันดับ 1 ของใครต่อใครอยู่ในตอนนี้ ปังขนาดนี้ ถามจริง ไม่ลองจะไหวหรอ ? (55555)
แต่นั้นยังปังไม่พอ... เมื่อมาดูถึงสรรพคุณแล้วก็อยากจะร้องว้าวเลยแหละ ยอมใจในความที่เป็น คอลลาเจนพรีเมี่ยม จากปลาหิมะ ประเทศนอร์เวย์ และ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ จากประเทศญี่ปุ่น 10,000 มิลลิกรัม ตัวช่วยสำคัญในการลดริ้วรอย ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูออนกว่าวัย และยังมีสารสกัดที่โดเด่นและหาได้ยาก ซึ่งเขาใส่มาให้แบบไม่อั้น เช่น ซีบัคธอร์น ซึ่งเป็นผลไม้ตระกูเบอร์รี่ราคาสูง ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ราชินีแห่งการบำรุงผิว’ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีวิตามินซีเท่ากับการทานส้ม 15 ลูก ใน 1 ครั้ง ประสานประสิทธิภาพการบำรุงควบคู่มากับ กลูต้าไธโอน และ โคเอนไซท์ Q10 ตัวช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใส ไร้ฝ้า กระ จุดด่างดำ
นอกจากนั้น เขายังมีสารสกัดจากธรรมชาติ และวิตามินรวม 24 ชนิด ที่คัดสรรมาเพื่อความต้องการของผิวโดยเฉพาะ
ด้วยความที่เขาเป็นคอลลาเจนระดับ พรีเมี่ยม ซึ่งมีโลเลกุลขนาดเล็กที่สุด เล็กกว่าคอลลาเจนทั่วไป ซึ่งสังเกตได้ง่ายจากการละลายน้ำได้ดี (ไม่ว่าจะน้ำเย็น หรือน้ำอุณหภูมิปกติก็ตาม) โดยเขาจะลายได้ไวเพียงแค่ไม่กี่วินาที และไม่จับตัวกันเป็นก้อน ไม่มีคราบตะกอน
คอลลาเจนที่มีโมเลกุลที่เล็กมากอย่าง ชาเม่ คอลลาเจน พลัส เมื่อเปรียบเทียบกับคอลลาเจนทั่วไปที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่กว่า ประสิทธิภาพการดูดซึมก็จะดีกว่า เพราะร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ง่าย และไวขึ้น โดยไม่มีการตกค้าง หรือการถูกขับออกมาในรูปแบบอื่น
และอีก 1 ข้อ ที่คนทานคอลลาเจนมักจะพบเจอคือ ‘กลิ่นคาว’ ซึ่งเป็นกลิ่นคาวของปลาที่นำมาสกัดเป็นผงคอลลาเจน เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่... ถ้าไม่มีกลิ่นเลยจะดีกว่าไหมล่ะ ?
ใครที่มีปัญหากับตรงจุดนี้ เราขอแนะนำให้ลองมาทาน ชาเม่ คอลลาเจน พลัส ดู แล้วคุณจะลืมทุกอย่างที่เคยได้ลองมา เพราะนอกจากเขาจะไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด แต่ยังมีความหอมละมุนของสตอร์วเบอร์รี่ ที่เทียบได้กับการทานน้ำสตอร์วเบอร์รี่จริงๆ จะสวยทั้งทีชีวิตมันต้องแฮปปี้แบบนี้แหละ ใช่ไหมล่ะคุณ !
แต่ก่อนจะจบโพสต์นี้ เราขอฝากไว้อีกเรื่อง เมื่อคิดที่จะทานอาหารเสริมแบบคอลลาเจนแล้ว เราควรรู้ว่าทานอย่างไร ถึงให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
โดยนักวิจัยได้เผยแล้วว่า การกินคอลลาเจนควบคู่ไปกับ วิตามินซี ทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากวิตามินซีมีคุณสมบัติละลายน้ำ ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว แถมคุณสมบัติของวิตามินซียังช่วยให้ผิวกระจ่างใส เมื่อทำงานร่วมกับคอลลาเจน ซึ่งใน ชาเม่ คอลลาเจน พลัส เค้าก็มีมาให้ครบ จบในซองเดียวเลยค่ะ
หากศึกษาข้อมูลก่อนใช้อย่างละเอียด และคอยบำรุงดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ เราเองที่แต่ก่อนไม่ค่อยเชื่อในอะไรแบบนี้ แต่พอได้มาศึกษาลองทำจริงจังอย่างต่อเนื่อง ภายในระยะเวลา 1 เดือน จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน สภาพผิวที่เคยแห้ง และไม่เรียบเนียน กลับดูชุ่มชื้นและกระชับขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ ที่ใต้ตาและร่องแก้มก็จางลงจนเกือบหมด ที่สำคัญคือผิวกระจ่างใสดูสุขภาพดีขึ้นมากเลย จนตอนนี้หมดกังวลและ กล้าโชว์หน้าสด แล้วค่ะ ^^
สำหรับใครที่มีปัญหาแบบเรา ลองไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ แอบกระซิบว่าเขาให้คำแนะนำดีมากๆ Line: @chamethailand (https://bit.ly/3ldeQCg)