หลายครั้งที่เราเป็นสิวซึ่งไม่ได้เกิดจาก มลภาวะ-ฝุ่นละออง หรือการแพ้สกินแคร์ แต่มาจากการทำความสะอาดใบหน้าที่ไม่เพียงพอมากกว่า ขนาดเราที่ไม่ค่อยจะแต่งหน้า บางครั้งยังไม่รอดเลยหละครับ ซึ่งหลังจากที่เราลองผิดลองถูกด้วยตัวเองอยู่ซักพักใหญ่ๆ เราเลยขอนำขั้นตอนในการทำความสะอาดให้หน้าในแบบฉบับของเรามาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันฮะ...
1st Step : makeup remover | BANILA CO Clean It Zero
เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับ makeup remover พอสมควร เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้แต่งหน้า แต่สกินแคร์และกันแดดนั้นก็สามารถอุดตันรูขุมขนเราได้เหมือนกัน ดังนั้นการใช้ Makeup Remover เป็นประจำจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการอุดตันได้ขอรับ
ในช่วงนี้เราเลือกใช้เป็น BANILA CO Clean It Zero เพราะ Texture ในรูปแบบบาล์มทำให้ไม่เลอะเทอะ ไม่ต้องใช้สำลี มีความสะดวกในการใช้มากกว่า makeup remover รูปแบบอื่น ที่สำคัญคือราคา/ปริมาณถือว่าทำได้น่าคบหาทีเดียว แต่...เราแอบได้ยินว่ามีเพื่อนๆ หลายคนใช้น้องคนนี้แล้วแพ้ ซึ่งส่วนตัวแล้วเราใช้ได้ เลยถือว่ารอดตัวไปฮะ
วิธีใช้ของเรา เราจะไม่ใช้ Spatula เพราะความขี้เกียจล้วนๆ (แค่ทำความสะอาด 3 Steps ก็กินพลังงานชีวิตมากมายแล้วฮะ) โดยเราจะล้างมือให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้งจากนั้นใช้นิ้ว Pick-up ผลิตภัณฑ์ขึ้นมาให้เพียงพอกับการใช้ในหนึ่งครั้ง
จากนั้นกระจายผลิตภัณฑ์ให้ทั่วใแล้วนวดวนเป็นวงกลมให้ทั่วเพื่อละลายคราบสิ่งสกปรกและเมคอัพที่เกาะอยู่บนผิว ด้วยน้ำหนักที่ไม่แรงจนเกินไป ขั้นตอนนี้เราจะให้เวลากับเค้าประมาณ 3-4 นาทีเพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดดีแล้ว จากนั้นแตะน้ำเปล่าแล้วนวดซ้ำอีกครั้งจนเนื้อ Balm เปลี่ยนเป็น Emulsion แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2nd Step : Cleanser | mesoestetic purifying mousse + FOREO
หลังจากเราทำความสะอาดด้วย makeup remover เรียบร้อยแล้วอีกขั้นตอนสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ Cleanser ซึ่งในช่วงที่เรามีปัญหาสิวเรามักจะกลับมาใช้ mesoestetic purifying mousse เพราะมีสารที่ชื่อว่า Chlorhexidine Digluconate ที่มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อโรค โดยจะไปทำให้ผนังเซลล์ของเชื้อโรคเกิดการแตกตัว และตายลงในที่สุด
แถมเลือกใช้สารทำความสะอาดที่ค่อนข้างจะอ่อนโยน และด้วยส่วนผสมของ Menthol ที่ให้ทั้งความรู้สึกสดชื่น เย็นสบายผิว นับว่าเป็นการปลุกผิวให้ตื่น และคลายความเหนื่อยล้าได้ดีทีเดียว และด้วยความที่เค้าเป็นมูสโฟมแบบ Auto-Pump จึงใช้ร่วมกับ FOREO ได้สบายเลยทีเดียวแหละ
เราตั้งระดับความแรงไว้ที่ระดับ 10 (ใครไหวที่เท่าไหร่ก็ลองไปตั้งกันในแอพดูเน้อ) ซึ่งเราใช้แค่ช่วงเย็นเพื่อไม่รบกวนผิวจนเกินไปและใช้วิธีลากเป็น Stoke ในทิศทางเดียว ไม่ต้องกดน้ำหนักมือลงไปมาก เพื่อไม่เป็นการรบกวนผิวจนเกินไป โดยปกติแล้วเราจะทำความสะอาด 1 รอบใช้เวลา 1 นาทีแบ่งเป็น 4 บริเวณคือ : แก้มซ้าย 15 วินาที - แก้มขวา 15 วินาที - จมูกและคาง 15 วินาที - หน้าผาก 15 วินาที แต่ในครั้งนี้เราขอเทสต์ลงบนแขนให้ดูเพื่อความสะดวกในการถ่ายทำแล้วกันนะครับ
ถ้าถามเราว่า FOREO ทำให้การล้างหน้าสะอาดขึ้นกว่าการใช้มือไหม ? เราขอตอบในมุมนี้ว่า "ในช่วงที่เราใช้มาประมาณ 4-5 เดือน อัตราการเกิดสิวอุดตันของเราน้อยลงมากกว่าตอนที่ไม่ได้ใช้พอสมควร" แต่ถ้าถามว่าจำเป็นต้องมีไหม ? เรามองว่าถ้าคุณทำความสะอาดผิวได้ดี กะน้ำหนักมือได้เหมาะสม และให้เวลาใช้การทำความสะอาดที่เพียงพอ ก็ข้ามไปก็ได้ครับ แต่สำหรับเราที่ใช้มาหลายเดือนแล้วแทบจะไม่อยากกลับไปล้างหน้าด้วยมือเลยหละฮะ
3rd Step : Toner | Kiehl's Calendula Herbal-Extract Toner + Rii Skincare Cotton
หลายคนเคยถามเราว่า Toner จำเป็นไหม โดยส่วนตัวแล้วเรามองว่าถ้าคุณไม่ได้ลงผลิตภัณฑ์หลายเลเยอร์ หรือแต่งหน้า เราคิดว่าเอางบไปลงที่ไอเทมอื่นน่าจะเหมาะสมกว่า แต่สำหรับเราที่มองโทนเนอร์ในมุมการเป็นตัวเริ่มต้นของการบำรุงที่ดี ช่วยปรับค่า pH บนผิวเพื่อให้สกินแคร์อื่นๆ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยเช็คความสะอาดใน Step ที่ 3 เพื่อลดโอกาสการอุดตันให้ได้มากที่สุด
โดยในช่วงนี้เรามักจะหยิบ Kiehl's Calendula Herbal-Extract Toner มาใช้คู่กับสำลีแผ่นบางของ Rii อยู่เสมอ เพราะนอกจากตัวโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิว ให้ความชุ่มชื้น และลดการระคายเคืองที่ดีแล้ว ยังได้ Texture ของสำลีที่ช่วยเคลียร์สิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลืออยู่บนผิวได้อีกครั้งด้วยแหละฮะ
เราจะค่อนข้างใช้น้ำหนักมือปานกลางเพื่อลดแรงเสียดสีระหว่างผิวกับใบหน้าให้ได้มากที่สุด และใช้วิธีการลากเป็น Stroke ยาวๆ ไม่ใช้วิธีการถูวนบนหน้า
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นว่าสำลีขาว สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกหลุดติดออกมา แสดงว่าการทำความสะอาดของเรามีประสิทธิ และหมดจดจริงๆ (สำหรับจุดเหลืองๆ บนสำลีนั้นมาจากดอกคาเลนดูล่าในโทนเนอร์ขอรับ)
Conclusion
เอาหละครับทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่เราใช้ทำความสะอาดใบหน้าในช่วงที่ผ่านมา แล้วพบว่าค่อนข้างได้ผลดีทีเดียว สิวอุดตันลดน้อยลงในระดับที่น่าพึงพอใจ (ไม่นับสิวที่เกิดจากการระคายเคืองหรืออาการแพ้ต่างๆ นะครับ) ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด รวมถึงบางไอเทมอาจจะไม่เหมาะกับบางสภาพผิว ดังนั้นนี่จึงเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งทางที่เรานำมาแชร์ให้ฟัง หากเพื่อนๆ มีความเห็นต่างหรือมีผลิตภัณฑ์ใดที่เหมาะสมกว่าก็สามารถคอมเม้นท์แนะนำกันเข้ามาได้เลยฮะ