สวัสดีปีใหม่เพื่อนๆ ทุกคนนะค๊าบ สำหรับปี 2020 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เราได้ลองสกินแคร์ที่ค่อนข้างหลากหลาย เรียกว่าได้เปิดโลกสกินแคร์ไปไกลกว่าเดิมมากเลยทีเดียวหละ นับว่าเป็นปีที่สนุกกับการลองและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย ต้องบอกว่าก่อนจะมาทำบทความนี้เราในเวลาคิดอยู่นานทีเดียว แต่สุดท้ายก็ตกผลึกและออกมาเป็นไอเทมทั้งหมดที่เพื่อนๆ จะได้ชมต่อไปนี้ฮะ...
Cleanser
สำหรับในหมวด Cleanser ที่เราชอบที่สุดในปี 2020 ต้องยกให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Auto-Pump ทั้ง 2 ขวดนี้ ด้วยความที่เราใช้ร่วมกับอุปกรณ์ตัวนึงด้วย ดังนั้นการจะต้องมาตีฟองโฟมเองเรารู้สึกว่าช้า และไม่ทันใจ ดังนั้นเราเลยหยิบน้อง 2 คนนี้มาใช้บ่อยที่สุด
ตัวแรกคือ mesoestetic purifying mousse เรามักจะหยิบขวดนี้มาใช้ในช่วงที่ผิวเราเป็นสิวอยู่บ่อยๆ เพราะนอกจากจะช่วยลดการอักเสบ ยังยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ดีแล้ว ยังไม่ทำให้หน้าแห้งตึงหลังล้างออก เพราะปกติแล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้ากลุ่มที่ช่วยลดสิว มักจะทำให้หน้าแห้งตึงได้ค่อนข้างง่าย แต่ตัวนี้ไม่เป็น แถมยังให้ความรู้สึกสดชื่นได้ refresh ผิวไปในตัว ดังนั้นไม่แปลกที่จะติดเข้ามาใน Favourite 2020
ไปต่อกันที่คลีนเซอร์แบรนด์โปรดที่เลิฟเค้าตั้งแต่สูตรเก่า จนเค้าปรับสูตรใหม่เราก็ยังหลงรัก และใช้หมดไปแล้ว 2 ขวด นั่นคือ THREE balancing foam r เรื่องกลิ่นหอม aroma เป็นเอกลักษณ์นั้นไม่ต้องพูดถึง แต่ที่เหนือกว่านั้นคือความอ่อนโยนที่เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ผ่านมาตรฐาน COSMOS Organic จาก องค์กร ECOCERT ที่บอกเลยว่ากว่าจะได้นั้นยากเย็นแสนเข็ญเลยจริงๆ ทำให้คลีนเซอร์ขวดนี้เข้ารอบมาแบบไม่มีจ้อกังขาเลยหละฮะ
Massage & Cleanse Device
แน่นอว่าเมื่อพูดถึงอุปกรณ์ล้างหน้าที่ใช้ร่วมกับ Cleanser ด้านบน คงเป็นไอเทมไหนไปไม่ได้นอกจาก FOREO LUNA 3 ที่เราได้ลองเล่นช่วงต้นๆ ปีที่ผ่านมา และยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับคนที่ถามว่าจำเป็นไหม > เราเคยพูดไปแล้วว่าถ้าคุณล้างหน้าได้สะอาดเพียงพอแล้วหละก็ไอเทมนี้ก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่สำหรับเราที่ได้ลองใช้เจ้าเครื่องนี้มาเกินครึ่งปีบอกเลยว่าไม่อยากกลับไปล้างหน้าแบบเดิมอีกเลยหละ
อ๋อ!! เกือบลืม...จริงแล้วรุ่นนี้เพื่อนๆ สามารถใช้อีกด้านเป็นอุปกรณ์นวดหน้าได้นะ เราเคยทำอยู่ช่วงนึงพบว่าใช้คู่กับผลิตภัณฑ์กลุ่ม เจลหรือครีมได้ดีทีเดียว ทำให้เห็นกรอบหน้าได้ชัดขึ้น แต่ก็แอบเสียเวลาและไม่ค่อยถูกจริตเราเท่าไหร่นัก เลยไม่ได้ทำต่อเนื่อง ใครที่ทำเป็นประจำลองคอมเม้นท์ผลลัพธ์กันหน่อยเน้อ
Makeup Remover
ใครที่ติดตามเราใน IG Story น่าจะเห็นเราพูดถึง THREE balancing cleansing oil r ขวดนี้อยู่บ่อยๆ เพราะนอกจากความสะดวกในการใช้แล้ว ยังสามารถขจัดคราบสกินแคร์ กันแดด และเมคอัพที่เราใช้ในแต่ละวันได้หมดจด กลิ่นหอมอโรม่าสไตล์ THREE ที่เราเลิฟ แถมยังล้างออกง่าย ไม่ต้องใช้สำลีให้วุ่นวาย คิดว่าหมดแล้วก็คงซื้อซ้ำถ้ายังไม่เจอตัวที่ถูกใจกว่านี้
Toner
- ช่วงที่ผิวระคายเคือง-เป็นสิว : เราจะหยิบ Kiehl's Calendula Herbal-Extract Toner Alcohol Free มาใช้ ด้วยส่วนผสมที่มีส่วนช่วยลดการระคายเคืองได้ดี และไม่มีสารที่กระตุ่นการระคายเคืองให้ผิวเพิ่มขึ้น บางวันเราก็เทใส่แผ่นมาส์กแล้วมาส์กหน้าไปเลยก็ดีไปอีกแบบ
- ผิวแห้ง-ลอก : เราไม่เคยคิดเลยว่าโทนเนอร์นั้นจะช่วยลดปัญหาผิวแห้งลอกได้จนมาเจอ Lancome Tonique Comfort ขวดนี้ เป็นโทนเนอร์ที่มีเนื้อเข้มข้นที่สุดตั้งแต่เราเคยใช้มา แต่ในขณะเดียวกันก็ซึมเข้าผิวได้ไว ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะไว้บนผิว
- ต้องการตัวช่วยในการนอนหลับ : ต้องยอมรับว่าเราเป็นมนุษย์ที่นอนหลับยากมากคนนึง เพราะเราจะนอนได้ในสภาพแวดล้อมที่เงียบ สงบ ปิดไฟมืดๆ เท่านั้น ดังนั้น THREE balancing lotion r ที่มีส่วมผสมอย่าง Passiflora Incarnata Extract จึงเป็นตัวช่วยที่บรรเทาอาการวิตกกังวลและความผิดปกติในการนอนหลับ อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และปกป้องผิวจากมลภาวะได้ดีทีเดียว
Pre-Serum
สำหรับ Pre-Serum ในปีนี้ไม่ต้องสืบว่ามงจะลงที่ใคร แน่นอนว่าไม่พ้น Lancome Advance Genifique เพราะนี่คือส่วนนึงของขวดที่หมดแล้ว (เก็บจนโดนม้าบ่นแล้วจ้า!!) ด้วยความที่ปีนี้เป็นปีที่เราต้องเจอกัน PM2.5 เจอทั้งมลภาวะฝุ่นควัน การคงสมดุลของ microbiome บนผิวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นแบบสุดๆ และช่วยให้ผิวเรายังคงแข็งแรงมาตลอดปีนี้
Skin Barrier Serum
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าปีที่ผ่านมาเราเจอสารพัดอันตรายต่อผิว ดังนั้นความแข็งแรงของชั้นผิวจึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ และไอเทมเสริมปราการผิวที่เราโปรดปรานในปีนี้มีอยู่ 2 แบรนด์นั่นคือ
- norame Translucent Serum : ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การเสริม Skin Barrier แบบองค์รวมมีครบทั้ง ceramide, Free Fatty acid และ Cholesterol เนื้อสัมผัสในรูปแบบ Gel มอบความชุ่มชื้นให้ผิวเราได้เพียงพอสำหรับทาในช่วงกลางวันโดยไม่ต้องทา moisturizer เพิ่ม (แต่ยังต้องทากันแดดอยู่นะ!!)
- dermArtlogy Ageless Barrier Rejuvenating Serum : อีกหนึ่งเซรั่มเสริมความแข็งแรงของชั้นผิวที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าที่สุดในปี 2020 สูตรที่เราชอบเป็นสูตรแรกที่ทางแบรนด์ผลิตภัณฑ์ออกมา เพราะสูตรที่ 2 นั้นมีส่วนผสมของ Bakuchiol อยู่ด้วย ซึ่งเราไม่สะดวกใช้ในตอนกลางวัน จึงไม่ค่อยปลื้มน้องเค้าเท่าไหร่นัก (แอยอยากให้ทางแบรนด์นำสูตรแรกกลับมาขายจัง)
Hydration Serum
เป็นอีกหนึ่งหมวกหมู่ที่เลือกยากพอสมควร เพราะปีนี้เราได้ลองผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hydration ค่อนข้างเยอะ แต่สุดท้ายก็เลือก 5 ไอเทมนี้เป็น favourite ของปี 2020 ไปดูทีละตัวเลยดีกว่าฮะ...
- MOISTIFIQUE : เป็นไอเทมที่เราได้ลองเป็นตัวสุดท้ายของปี 2020 แต่กลับรู้สึกว่าชอบจังเลย และอดไม่ได้ที่จะหยิบน้องคนนี้เข้ามาร่วมวง ด้วยส่วนผสมที่จัดเต็มไม่ว่าจะเป็น Hyaluronic acid, Niacinamide, Ceramide, Cholesterol, Free Fatty acid และ Bifida Ferment Lysate เรียกว่าเป็นเซรั่มที่นอกจากจะมอบความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นให้ผิวแล้ว ยังช่วยในเรื่องความแข็งแรงของผิวได้จริง
- mesoestetic ha densimatrix : ถ้าใครมีกำลังทรัพย์แล้วหละก็นี่เป็น Hyaluronic Serum ที่เจ๋งที่สุดของปี 2020 เลยก็ว่าได้ ด้วยส่วนผสมที่โหดแบบไม่เกรงใจแบรนด์ไหน ช่วยให้ความชุ่มชื้นได้ดี แถมยังทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นได้เล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันกลับทำเนื้อสัมผัสออกมาได้เบาสบายผิวแบบเกินคาด เอาเป็นว่าใครที่ไม่รู้จะลองอะไรจากแบรนด์นี้ นี่คือไอเทมที่คุณไม่ควรพลาด
- Hyalamide Subq Skin : ช่วงไหนที่เรากระเป๋าเริ่มแบนนี่จะเป็น hyaluronic serum ที่เรานึกถึงและซื้อซ้ำบ่อยที่สุด ด้วยส่วนผสมที่ไม่ได้น้อยหน้าใคร ให้ความชุ่มชื้นได้กำลังดี ถึงแม้จะทำเนื้อสัมผัสได้ไม่ดีเท่า mesoestetic แต่เมื่อพิจารณาจากราคาแล้วหละก็เราว่าก็พอทดแทนกันได้อยู่นะ
- ZELENS Z HYALURON : ต้องบอกว่าก่อนที่เราจะเจอ mesoestetic นี่เป็น hyaluronic serum ที่เราชอบที่สุดในแง่ส่วนผสมเรียกว่าผลลัพธ์เทียบเท่ากันได้เลยทีเดียว แต่ก็ยังคงพ่ายต่อความเบาสบายผิวของ ha densimatrix อยู่ดี
- NOVEXPERT SERUM BOOSTER : อีกหนึ่ง hyaluronic acid ที่โด่งดังจากเพจมาดามเกรียน เรียกว่าเป็น Booster ที่งัดผิวที่กำลังโรยรา ขาดน้ำขึ้นมาได้ดีแบบสุดๆ แต่เหตุที่ยังไม่ขึ้นแท่น No.1 ของเราก็เพราะเค้ามีส่วนผสมของน้ำหอม และเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างจะหนึบอยู่พอตัวเลยหละ
Vitamin C Serum
สำหรับเราแล้ว Vitamin C Serum เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้มาโดยตลอด แต่อย่างที่รู้กันอยู่ว่าฟอร์มที่เราชื่นชอบและเชื่อถือที่สุดนั่นคือ L-ascorbic Acid ซึ่งปีนี้ตัวที่เข้ารอบ ได้แก่
- /skin regimen/ 15.0 vit C Booster : บูสเตอร์ขวดนี้เป็นลูกผสมระหว่าง Ascorbic Acid และ Sodium Ascorbate ซึ่งรวมความเข้มข้นแล้วอยู่ที่ 15% และที่พีคไปกว่านั้น คือ การแยกส่วนระหว่างตัวทำละลายและผงวิตามินซีบริสุทธิ์ ทำให้เราได้รับ Vitamin C Serum ที่สดใหม่ทุกครั้งที่เปิดใช้
- mesoestetic aox feuric : นี่คือ Vitamin C Serum ที่เราขอมอบมงให้สำหรับปี 2020 ด้วยความเข้มข้นที่คาดหวังผลได้ของ Pure Ascorbic Acid แถมยังอัดส่วนผสมอย่าง Protech-Cell Complex ช่วยปกป้องผิวจากสิ่งเร้าภายนอก ลดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการของการเกิดริ้วรอย ป้องกันผิวจากรังสียูวีและรังสีอินฟาเรดได้มากขึ้น และความพีคคือ Oxidation ช้าที่สุดตั้งแต่ได้ลองใช้มาเลยหละ
Whitening
ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วผลิตภัณฑ์กลุ่ม Whitening ไม่ใช่สไตล์เราเท่าไหร่นัก เราไม่ได้โลกสวยนะ แต่เรามองว่าสีผิวมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การจะคงสภาพให้ขาวตลอดคงไม่ใช่เรื่อง แต่เราจะเน้นในเรื่องความกระจ่างใส และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอมากกว่า เราเลยหยิบ 3 ไอเทมที่ชอบในปีนี้มาแชร์ให้ฟัง
- Paula's Choice Resist Whitening Essence : ไอเทมนี้เราเพิ่งมาได้ลองในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี 2020 และค่อยๆ ชอบขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นผลลัพธ์ของผิวที่สม่ำเสมอ และกระจ่างใสขึ้นเรื่องๆ รอยแดงจากสิวจางลงได้ดีม๊ากกกกก แต่...ทำไมของดีๆ แบบนี้ต้อง Discontinued ด้วยนะ!!
- VERA SKIN : สำหรับคนที่เป็นฝ้าที่คือไอเทมที่เราอยากแนะนำให้ไปหามาลองแบบสุดๆ เราให้คุณแม่ลองใช้มาประมาณ 4 เดือน ผลที่ได้คือฝ้าจางลงไปพอสมควรเลยทีเดียวหละ
- Aesop B & C Facial Balancing Gel : มาถึงไอเทมสุดท้ายที่เป็นตำนานของ Aesop กันบ้าง นี่คือ moisturizer ที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส ในเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ แถมกลิ่นยังหอมผ่อนคลายแบบสุดๆ เลยหละ
Anti-Aging
เมื่ออายุเข้าใกล้เลข 3 ความคิดในเรื่องริ้วรอยและความกระชับของผิวก็เข้ามาหาเราแบบรัวๆ เพราะเรามองว่าการป้องกันดีกว่าการแก้ไข เพราะงั้นเราจึง pick-up ไอเทม 3 ตัวที่เราชื่นชอบในปี 2020 นั่นคือ :
- mesoestetic collagen 360 Intensive cream : moisturizer ทรงประสิทธิภาพที่ผสมผสานวิตามินที่เราเลิฟถึง 2 ตัวอย่าง Ascorbyl Glucoside และ Retinyl Palmitate ที่เข้ามาช่วยต่อต้านอนุมูอิสระ กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว เร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และช่วยลดริ้วรอยได้ดี แถมยังให้ความชุ่มชื้นที่กำลังพอดิบพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป
- PANPURI REVIVE ArunaYouth™ Complex Bakuchiol Age Delay Night Oil : นี่คือ 1 ในสกินแคร์รูปแบบ Oil-Based ที่เรายกให้เป็นตัวโปรดของเราเลย เพราะนอกจากความเบาของออยล์ที่ทำออกมาได้ดีแล้ว ยังมีสารที่น่าสนใจอย่าง Bakuchiol ซึ่งทำงานได้เทียบเท่า Vitamin A เลยทีเดียว แถมยังไม่มี Side Effect ที่น่ารำคาญใจแบบ Vitamin A ฟอร์มอื่นๆ ด้วยหละ
- LUXES 2 Seconds Lifter : สาเหตุที่ไอเทมนี้เข้ามาอยู่ Fav. ของปีนี้ก็เราได้หยิบไปให้อาม่าลองใช้ดู แล้วปรากฏว่าริ้วรอยดูตื้นขึ้นเล็กน้อย รวมถึงบริเวณกรอบหน้าและร่องแก้มก็ดูกระชับขึ้นแบบมีนัยสำคัญ แถมยังใช้ง่าย เข้าได้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้อยู่ก่อนแล้วได้ดีเลยแหละ
Moisturizer
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม moisturizer ที่เราเลิฟในปีนี้เราขอยกให้ทั้ง 6 ไอเทมนี้เลยหละ :
- /skin regimen/ tripeptide cream : ในช่วงที่ผิวเจอมลภาวะ และความเครียดสะสม นี่จะเป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่เราหยิบมาใช้บ่อยที่สุด ด้วยส่วนผสมอย่าง Longevity Complex™ ที่ช่วยต้านผลของความเครียดและตัวเร่งปฏิกิริยาความชราอันก่อนวัย รวมถึงช่วยลดผลเสียจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตได้เป็นอย่างดี เรียกว่าชอบจบควักเกลี้ยงกระปุกกันเลยทีเดียว
- THREE balancing emulsion r : อีกหนึ่งในไอเทมจาก THREE ในไลน์ balancing ที่เราเลิฟที่สุดนั่นคือ balancing emulsion r เพราะนอกจากมอบความชุ่มชื้นได้ดีแล้ว ยังมีส่วนผสมอย่าง Geranium Thunbergii Flower/Leaf/Stem Extract ที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนได้อีกด้วย
- IPSA ME Ultimate 3 : ขวดนี้เราเพิ่งมาค้นพบและได้ลองในช่วงเดือนสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเริ่มหนาว และเราได้เดินทางไปเที่ยวเหนือพอดี ต้องบอกว่านี่เป็น moisturizer ที่ออกแบบมาได้ครบ ครอบคลุมหลายปัญหาผิวมาก ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งกร้าน ความแข็งแรงของชั้นผิว และต้านอนุมูลอิสระได้ดี แถมยังมีให้เลือกถึง 3 เนื้อสัมผัส คิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองให้ครบเหมือนกันฮะ
- philosophy nature in a jur : ถ้าความชุ่มชื้นและความกังวลเรื่องการระคายเคืองคือปัญหาที่คุณกังวล นี่จะเป็นไอเทมที่ตอบโจทย์ได้ดีมากเลยเชียวหละ เราว่าน่าจะเป็น moisturizer ที่เนื้อหนักสุดที่เราใช้แล้วชอบแล้วหละฮะ
- CeraVe Facial Moisturising Lotion PM : ไม่ต้องพูดเยอะแล้วมั้งกับมอยซ์เจอร์ไรเซอร์หลอดนี้ เพราะแทบจะ Out of Stock ตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเค้าเป็น Basic Moisturizer ที่มีครบทุกอย่างที่ผิวเราต้องการสำหรับการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน
- Lancome ABSOLUE Soft Cream : ถ้าใครพอมีกำลังเราอยากแนะนำให้ไปลอง เพราะนี่คือ moisturizer อีกหนึ่งตัวที่เราโปรดปราน ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เค้าสามารถมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำเนื้อสัมผัสออกมาได้บางเบา สบายผิวแบบสุดๆ เลยเชียวหละ
Acne
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดสิวในปีนี้ต้องบอกว่าเราแทบจะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวกลุ่มที่เป็น "ยา" เลย แต่จะใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดการอักเสบเป็นหลัก ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ซักเกตุก็จะเห็น 2 ไอเทมที่เราเคยพูดไปแล้วและน่าจะเคยหยิบมา Fav. ไปแล้วอย่าง Paula's Choice 10% Niacinmide ซึ่งเป็น Best of the best niacinamide ในใจเราเลยหละ ส่วน The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 2% ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงที่ดี และประหยัดงบไปได้มากโขอยู่ ถึงแม้จะไม่มีสาร antioxidant และสารลดการระคายเคืองเท่าป้าพอลล่าก็เถอะ
ส่วนอีก 2 ไอเทมใหม่ที่เราเพิ่งค้นพบและค่อนข้างชอบนั่น คือ Perricone MD Intensive Pore Minimizing Toner เป็นโทนเนอร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดีม๊ากกกก เราใช้แทน BHA ของป้าพอลล่าได้เลยหละ ผิวดูสมูทขึ้นเยอะเลยทีเดียว แถมยังไม่ทำให้ผิวแห้งลอกอีกด้วยหละ
แต่แน่นอนว่าบางครั้งก็ห้ามไม่ได้ที่จะมีสิวอักเสบผุดขึ้นมาบนใบหน้า TOMEI Anti-Acne Cream Plus เป็นตัวช่วยลดการอักเสบของสิว และช่วยให้สิวยุบได้ดี แถมยังไม่มีอาการระคายเคืองรวมถึงไม่ทิ้งรอยแดงไว้เป็นที่ระทึก!
Exfoliate
ถ้าพูดถึงเรื่องการผลัดเซลล์ผิวแบบจริงจังแล้วหละก็ ปีนี้ต้องยอมให้ Paula's Choice Advanced Smoothing Treatment 10% AHA เลยจริงๆ เพราะนอกจากความเข้มข้นที่เหมาะสม คาดหวังผลในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวได้จริง ยังอัดส่วนผสมที่ช่วยลดการระคายเคืองมากอีกเพียบ แถมยังทำเนื้อสัมผัสออกมาได้ดีงาม บางเบาจนเกือบจะเรียกว่าเป็น Serum เลยหละฮะ
Sunscreen
ปีนี้เป็นปีที่เราให้ความสำคัญกับการป้องกันผิวจากแสงแดดมากกว่าเดิมพอสมควร (ก็แน่หละ ทุกวันนี้ร้อนเหมือนมีพระอาทิตย์ 2 ดวงแล้วนะ) ซึ่งกันแดดที่เราได้ลองและปลื้มนั้นมีด้วยกัน 5 ตัว โดยแต่ละตัวเราจะหยิบใช่ในวาระโอกาสที่แตกต่างกัน
- /skin regimen/ urban shield SPF 30 : กันแดดสำหรับวันสบายๆ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือออกจากบ้านไม่นาน /skin regimen/ จะเป็นกันแดดที่เราหยิบใช้บ่อยที่สุด ด้วยเนื้อสัมผัสที่เบาสบายผิว กันแดดได้ดีพอประมาณ แถมยังให้ Effect เหมือน Makeup Based ไปในตัว
- La Roche-Posay Anthelios SPF 50+ : วันไหนที่ต้องออกแดดเยอะ แต่ไม่อยากหนักผิวที่คือกันแดดที่เราเลือก ด้วยประสิทธิภาพการกันแดดที่สูงและได้มาตรฐาน แต่ก็ยังให้เนื้อสัมผัสที่เบาสบายผิว ไม่เป็นขุย ไม่วอก ไม่ลอย หาซื้อได้ง่าย
- mesoestetic light water antiaging veil SPF 50+ : ถ้ารู้ตัวว่าต้องออกแดดเยอะ และผิวค่อนข้างแห้ง เราจะหยิบ mesoestetic light water antiaging veil มาใช้เสมอ เพราะนอกจากประสิทธิภาพการกันแดดที่สูงลิบลิ่วแล้ว ยังมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เป็นกันแดดที่ทั้งทรงประสิทธิภาพและบำรุงผิวไปในตัวเลยหละฮะ
- SHISEIDO the perfect protector spf50+ pa++++ : ช่วยที่อากาศค่อนข้างร้อน แน่นอนว่าเหงื่อจะออกเยอะเป็นพิเศษ เราจะเลือกกันแดดขวดนี้ที่มีคุณสมบัติ Wet Force Technology ปกป้องแสงแดดมากขึ้นหากผิวสัมผัสน้ำ และป้องกันความเสียหายของ DNA จากรังสี UV ได้ดีมากอีกตัว
- HELIOCARE 360 fluid cream : ถ้าต้องออกแดดจัดนานๆ ไม่น่าจะมีโอกาสได้เติมกันแดดระหว่างวัน กันแดดหลอดนี้คือไอเทมช่วยชีวิตของเราเลยแหละ รับรองว่าถ้าทาในปริมาณที่เหมาะสมแล้วหละก็ผิวไม่มีทางคล้ำขึ้นแน่นอน เราพิสูจน์มาแล้ว แต่ข้อเสียของกันแดดหลอดนี้คือเป็นคราบได้ง่าย ดังนั้นเราแนะนำให้บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นก่อน แล้วค่อยทางกันแดดตัวนี้ทีละน้อย โดยการทาไปในทางเดียวกันอย่าถูวนเด็ดขาด!!
Facial Oil
ต้องยอมรับว่าปี 2020 เป็นปีที่เราเปิดใจลองสิ่งใหม่ๆ เยอะมากโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Facial Oil ซึ่งปรากฏว่าให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมากทีเดียว ซึ่งออยล์ที่เราชอบนั้นมีด้วยกัน 4 ตัวได้แก่ :- CLARINS Double Serum : นี่เป็น Facial Oil ที่น่าจะเหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มลองใช้ที่สุดตัวนึงเลยหละ เพราะเนื้อสัมผัสทำออกมาได้ดี ไม่หนักผิวจนเกินไป และอัดสาร antioxidant มาเพียบเลยเชียวหละ
- LHAMOUR ANTI-POLLTION Facial Oil : ใครที่กังวลเรื่องมลภาวะ และมีผิวที่ค่อนข้างแห้งเราแนะนำให้พุ่งตัวไปที่เคาน์เตอร์ LHAMOUR ให้ไว เพราะนี่คือ Facial-Oil ที่เด็ดดวงในแงการลดผลกระทบจากมลภาวะ และช่วยงัดผิวให้กลับมาชุ่มชื้นได้ดีสุดๆ
- PANPURI Lotus Defense Face Treatment Oil : เรามักจะหยิบ Facial Oil ขวดนี้มาใช้เวลาที่ต้องการซ่อมผิว แต่ก็ไม่อยากให้ผิวเนอะหนะจนเกินไป บางครั้งก็แอบหยดใส่รองพื้นที่เป็นสูตร Matte มากๆ เพราะอยากได้ลุคที่ดูผิวโกลว์สุขภาพดี
- THREE balancing SQ oil r : คืนไหนที่ต้องการการพักผ่อนแบบเต็มที่ทั้งใบหน้า ร่างกาย และจิตใจ นี่จะเป็นออยล์ที่เราหยิบมาใช้เป็นประจำ เพราะแค่กลิ่น aroma ของเค้าก็ทำให้เราผ่อนคลายและพร้อมที่จะ Shutdown ตัวเองแล้ว แถมยังช่วยมอบผิวที่นุ่ม อิ่มฟูได้ดีทีเดียว
Body Lotion
ปิดท้ายด้วย CeraVe Moisturising Lotion ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรามักจะไม่ค่อยได้พูดถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายให้ฟังเท่าไหร่นัก ไม่ใช่อะไรนะเพราะบางทีเราก็ไม่ค่อยได้ทา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเอามากๆ แต่ในช่วงปี 2020 เราดูแลผิวกายเราดีขึ้นมาก ทาโลชั่นเกือบทุกวัน ผิวโดยรวมค่อนข้างนุ่มและละเอียดขึ้นเยอะเลยแหละ (ไม่เชื่อลองมาจับดูสิ :P)
Conclusion
เอาหละทั้งหมดนี้ก็เป็น Favourite Skincare ในปี 2020 ของเราที่ผิวมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ จากผิวผสม ไปเป็นผิวธรรมดา-แห้งในบางโอกาส ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองขอรับ ทำให้เราต้องปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการของผิวในขณะนั้น อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากมลภาวะ COVID-19 ความเครียด ฯลฯ ซึ่งเราก็เชื่อว่าเพื่อนๆ ก็คงไม่ต่างกัน
เราก็หวังว่าปีนี้จะเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีของเพื่อนๆ และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และเป็นแนวทางในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเพื่อนๆ ได้บ้างนะครับ ซึ่งอย่างที่เราบอกทุกๆ ครั้งว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ Based-on สภาพผิว ไลฟ์สไตล์ การดูแลตัวเอง และผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนสำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะอุดตันไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขน และลำคอก่อใช้ลงบนใบหน้านะขอรับ
Tweet |