ฉีดเมโสดีจริงไหม เหมาะกับคนหน้าแบบไหนบ้าง
ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ของตัวเองมากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า จึงเลือกหาวิธีต่างๆในการดูแลไม่ว่าจะเป็นการบำรุงใบหน้าแบบธรรมชาติ การมาร์กหน้า หรือแม้แต่การทาครีมบำรุงต่างๆ แต่ก็อาจจะยังไม่เห็นผลเท่าที่ควร ทำให้หันมาเลือกใช้วิธีทางการแพทย์อย่างการฉีดเมโสหน้าใส วันนี้เราจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับข้อดีของการฉีดเมโสหน้าใส และเมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้อเหมาะกับคนหน้าแบบไหนบ้าง
เมโสหน้าใส คืออะไร
เมโสหน้าใส คือ การทำทรีทเม้นท์ที่ช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เป็นอีกหนึ่งทางลัดในการดูแลผิวหน้าโดยนำวิตามินต่างๆ ฉีดตรงเข้าไปสู่บริเวณผิวหน้าเพื่อให้ผิวหนังมีความสดใส ช่วยบำรุงผิวหน้า ทำให้รูขุมขนเกิดความกระชับ ลดเลือนริ้วรอยและ จุดด่างดำให้ดูจางลงลด โดยจะเริ่มเห็นผลได้ภายใน 1 อาทิตย์หลังฉีด สามาถช่วยให้ผิวบนใบหน้าดูชุ่มชื้นอ่อนเยาว์มากขึ้นข้อดีของเมโสหน้าใส
เมโสหน้าถือเป็นหัตถการที่มีข้อดีอยู่หลายข้อด้วยกัน โดยแต่ละข้อก็จะมุ่งเน้นไปในเรื่องของการช่วยดูแลผิว ดังนี้
1. ช่วยปรับผิวหน้าให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
2. ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ให้ผิวอิ่มน้ำจากภายใน
3. ช่วยลดเลือนปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำและรอยแผลเป็นต่างๆ ให้จางลงอย่างเห็นได้ชัด
ข้อเสียของเมโสหน้าใส
นอกจากข้อดีแล้วเมโสหน้าใสเองก็ยังมีข้อเสียร่วมด้วยเช่นกันดังนี้
1. ไม่เหมาะกับคนที่กลัวเข็มเพราะจะเป็นการใช้เข็มเล็กๆ ทำการสะกิดส่งตัวยาทั่วใบหน้า
2. ไม่เหมาะกับคนที่ทำแล้วต้องต้องแดดแรงหรือต้องแต่งหน้าทันที เพราะหลังจากทำควรเว้นการแต่งหน้าเพื่อป้องกันการอักเสบจากรอยเข็มได้ นอกจากนั้นแสงแดดจะช่วยทำให้ผิวที่บอบบางเกิดอาการคล้ำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ยี่ห้อเมโสหน้าใส แต่ละยี่ห้อเหมาะกับใครบ้าง
1. Alpha arbutin –ช่วยในเรื่องของการลดฝ้าบนผิวหน้าโดยตรง เพื่อให้สีผิว ดูเรียบเนียนอย่างสม่ำเสมอ เหมาะกับคนที่เป็นฝ้า กระ
2. Filorga / Revs – เน้นในเรื่องผิวหน้าดูกระจ่างใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวหน้า เติมเต็มให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และเพิ่มความกระจ่างใสบนใบหน้าด้วย
3. Made Collagen - จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากอาการแพ้ ผิวอักเสบ ลดการเกิดสิว ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิว และอาการแพ้ทางผิวหนัง
4. Tensonez / Depigment – ช่วยลดปัญหาการเกิดฝ้าบนใบหน้า และ ช่วยทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่อยากลดฝ้าพร้อมกับปรับผิวหน้าให้ดูมีออร่าขึ้น
คลินิกนิยมใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนบ้าง
วิตามินที่คลินิกส่วนใหญ่เลือกใช้มีดังต่อไปนี้
1. Made Collagan เป็นคอลลาเจนที่มีส่วนผสมสารสกัดจากธรรมชาติและสมุนไพรหลากหลายชนิด จะช่วยปรับสภาพผิว และฟื้นฟูผิวส่วนที่บกพร่องให้กลับมามีสุขภาพดีขึ้นจากเดิม
2. Meso Placenta เป็นสารสกัดที่มีความเข้มข้นช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อนำไปฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอยให้ดูจางลงอีกด้วย
3. Glowing Bright คือวิตามินที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสมีความชุ่มชื่น และต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากริ้วรอยและจุดด่างดำที่เกิดจากสิว และปัญหาผิวหน้าอื่นๆ
4. Skin booster เป็นสารสกัดที่มีสาร Hyaluronic Acid เป็นการนำมาฉีดให้ทั่วบริเวณผิวหน้า ช่วยบำรุงให้ผิวที่มีความแห้งกร้าน หมองคล้ำ ให้กลับมาเรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใส
1. สำหรับคนที่ขี้เกียจทาครีม
2. คนที่อยากได้ผลลัพธ์แบบเร่งด่วน
3. คนที่มีปัญหาผิวหน้า อย่างเช่น ริ้วรอย สิวอักเสบ ผิวหน้าแห้งกร้าน
4. เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
เมโสหน้าใสช่วยเรื่องอะไรบ้าง
เมโสหน้าใสจะช่วยในเรื่องการบำรุงผิวหน้า ทำให้หน้าที่หมองคล้ำ กระจ่างใส ดูสุขภาพดีมากขึ้น พอผิวหน้าดีแล้วก็จะช่วยให้แต่งหน้าติดทนได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวที่แห้งกร้านดูชุ่มชื้นดูผิวสุขภาพดี
ฉีดเมโสหน้าใส จะเป็นอันตรายไหม
หากต้องการหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดการฉีดเมโสหน้าใส ควรเข้ารับบริการคลินิกที่มีแพทย์ซึ่งชำนาญการด้านการฉีดเมโส และได้รับมาตรฐานเพื่อความปลอดภัย เพราะเมโสแท้ จะสามารถสลายไปเองได้ ไม่เป็นอันตรายต่อตัวคุณ ส่วนอันตรายที่จะเกิดขึ้นคือการฉีดเมโสหน้าใสปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน และฉีดในคลินิกเถื่อน หรือหมอกระเป๋า แพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์จะส่งผลให้เกิดอันตรายขึ้นได้
ฉีดเมโสดีจริงไหม เหมาะกับคนหน้าแบบไหนบ้าง
ฉีดเมโสหน้าใส เป็นการใช้เข็มสะกิดทั่วผิวบนใบหน้า โดยจะสกิดบริเวณผิวหน้าชั้นตื้นเท่านั้น ทำให้รู้สึกเจ็บแต่ทนได้ ก่อนฉีดแพทย์จะมีการประคบเย็นก่อน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บให้ไม่รู้สึกมาก
ฉีดเมโสหน้าใส อยู่ได้นานไหม
ระยะเวลาความคงตัวของตัวยาขึ้นอยู่กับดูแลตัวเองหลังการรักษา แต่โดยประมาณอยู่ได้นานถึง 1-2 เดือนหลังจากการฉีด แต่อย่างไรก็ตามหากมีการเข้ารับบริการฉีดอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถช่วยเพิ่มให้ประสิทธิภาพได้อย่างยาวนานมากกว่าเดิม
ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันถึงจะเห็นผล
จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ใน 3 วันหลังจากฉีดเมโสหน้าใส แต่จะเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลา 7-14 วัน หลังจากนั้นจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ผิวดูกระจ่างใส สุขภาพดีมากขึ้น ในคนที่มีปัญหาสิวอักเสบจะรู้สึกได้เลยว่า ผิวอักเสบดีขึ้นและลดอาการผดผื่นได้อย่างดี แต่การให้คงสภาพผิวแบบนี้ไว้ควรเข้ารับการฉีดอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
หลังฉีดเมโสหน้าจะบวมไหม
การฉีดเมโสหน้าใสจะใช้เข็มเล็กๆสะกิดทั่วผิวหน้า หลังจากทำเสร็จอาจเกิดเป็นรอยแดงนูน แต่ไม่ถึงกับบวมเพราะเนื่องจากถูกเข็มจิ้ม ซึ่งรอยจะค่อยๆจางหายไปเองภายใน 1-3 วัน
รีวิวฉีดเมโสหน้าใส
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดหลังจากการฉีดเมโสหน้าใส คือผิวหน้าจะดูแข็งแรงสุขภาพดี กระจ่างใส ดูมีออร่า อีกทั้งยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำ กระ ฝ้า ให้จางลงได้อีกด้วย และแนะนำให้ฉีดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
การทำเมโสหน้าใสนั้นเหมาะกับใครหลายๆ คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาของผิวหน้าไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง หน้ามีรอยกระจุดด่างดำ รอยแผลเป็นต่างๆ ที่ต้องการช่วยให้ผิวหน้ามีความกระจ่างใสขึ้นทันทีหลังทำ และเมื่อทำติดต่อกันหลายๆ ครั้งก็จะช่วยทำให้ผลลัพธ์ยิ่งดีขึ้นและยาวนานมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นเป็นวิธีการดูแลผิวหน้าที่มีผลข้างเคียงที่ต่ำมากๆ หรือแทบจะไม่มีเลยในบางคนด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ในทุกการทำหัตถการทางความงามควรเน้นย้ำให้เรื่องความปลอยภัยเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นก่อนทำจึงควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดของคลินิกที่จะทำว่าได้มาตรฐานหรือไม่ รวมไปถึงตัวยาเมโสที่จะใช้ให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจว่าเป็นการใช้ยาของแท้และตัวยามีส่วนผสมอะไรที่เราแพ้บ้างไหมซึ่งทางที่ดีควรแจ้งถึงโรคประจำตัว ยาและอาหารเสริมที่ทานกับแพทย์ก่อนทุกครั้ง รวมไปถึงความสม่ำเสมอในการทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจสูงสุดนั่นเอง
แหล่งข้อมูลจาก
https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/beauty/527209
https://www.springnews.co.th/lifestyle/829103
https://www.naewna.com/relation/675562
Tweet |