ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรดูแลตัวเองอย่างไร ? ห้ามกินอะไร ? กี่วันหายบวม ?
Room : How To
admin_vsq | ผิวผสม | 25-29 Yrs | 0 รีวิว 13/06/2023 11:19     


ฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการยอดฮิตในการช่วยปรับรูปปาก แก้ไขปัญหาปากแห้ง ปากเป็นร่องที่เห็นผลได้ทันที ซึ่งการจะฉีดฟิลเลอร์ปากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือ การเตรียมตัวก่อนฉีด และวิธีดูแลตัวเองหลังฉีด เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และมีความปลอดภัย


ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรเตรียมตัวอย่างไร ? มีขั้นตอนการฉีดอย่างไร ? หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ห้ามกินอะไร ? หลังฉีดบวมกี่วัน ? ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ค่ะ


ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรเตรียมตัวอย่างไร ?

  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำหัตถการเบื้องต้น วิธีดูฟิลเลอร์ของแท้ และพิจารณาเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น

  2. งดรับประทานยาแอสไพริน ยา NSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac, Ponstan รวมถึงงดวิตามิน St.John’s Wort, Ginko Biloba, Ginseng และ Vitamin E 1 สัปดาห์ก่อนทำ

  3. งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว งดแวกซ์รอบปาก 1 สัปดาห์ก่อนทำ

  4. งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด

  5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมงก่อนทำ

  6. หากมีโรคประจำตัว ยาที่ต้องรับประทานอยู่เป็นประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยาชา ให้แจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ


ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

  1. ปรึกษาแพทย์ แจ้งปัญหาหรือความต้องการ เพื่อให้แพทย์ประเมินรูปหน้า เลือกรูปทรงปากที่เหมาะสมที่สุดของแต่ละคน และวางแผนการรักษา เลือกรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ให้เหมาะสมกับปัญหา ความต้องการ และงบประมาณ

  2. ผู้ช่วยแพทย์เริ่มทำความสะอาดใบหน้า และบริเวณที่ฉีด

  3. ก่อนฉีดควรให้แพทย์แกะกล่องให้ดูต่อหน้า และตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ว่าเป็นของแท้ นำเข้าอย่างถูกต้อง โดย

  4. เริ่มแปะยาชา ประคบน้ำแข็งก่อนฉีด เพื่อช่วยลดความเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์

  5. ทำการฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

  6. หลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จ แพทย์จะแนะนำข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ และควรปฏิบัติตามเพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ไว หายบวมเร็วขึ้น


หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ?

  1. ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ 1.5-2 ลิตร/วัน เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ จะทำให้ดูสวยอิ่มฟูได้รูป และอยู่ได้นานขึ้น

  2. งดใช้หลอดดูดน้ำ งดการทาลิปสติก งดการสูบบุหรี่ ในช่วง 12 ชั่วโมงแรกหลังฉีด

  3. ในช่วงแรก ควรนอนหมอนหนุนในระดับสูง จะช่วยให้อาการบวมดีขึ้นได้

  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัส การจูบ การนวด คลึงที่ริมฝีปาก จะทำให้ปากเสียรูปได้

  5. หลีกเลี่ยงการดึง การลอกหนังริมฝีปาก จะทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น

  6. งดกิจกรรมที่หรือการออกกำลังกายอย่างหนัก อย่างน้อย 48 ชั่วโมง 

  7. งดการทำเลเซอร์ร้อนลงผิวทุกชนิด เช่น Thermage อย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ


หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามกินอะไร ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ได้ห้ามกินอะไรเป็นพิเศษ แต่ในช่วง 2 อาทิตย์แรก ควรระมัดระวังการรับประทานของเหล่านี้ เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี และมีผลต่ออาการบวม ทำให้อาการบวมแย่ลง เห็นผลลัพธ์ได้ช้า

1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทำให้เลือดเกิดการสูบฉีดมากขึ้น อาจทำให้รู้สึกปวด บวมบริเวณที่ฉีดได้ง่าย

2. เครื่องดื่มร้อน ๆ และอาหารที่ต้องสัมผัสความร้อน เช่น ปิ้งย่าง ชาบู อาจทำให้เกิดอาการบวมและอักเสบได้ง่าย รวมถึงฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ การสัมผัสความร้อนโดยตรงอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียทรงได้

3. อาหารหมักดอง อาจทำด้วยกรรมวิธีที่ไม่สะอาด ทำให้มีการปนเปื้อน อาจกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบ เกิดรอยช้ำได้ง่าย

4. อาหารที่มีรสจัด หวานจัด เค็มจัด มีโซเดียมสูง กระตุ้นให้เกิดการอักเสบบนผิวหน้าได้ง่าย และทำให้ใบหน้าดูบวมได้

5. อาหารดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์


ทำไมฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วบวม ? บวมกี่วัน ?

เนื่องจากริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีเนื้อเยื่อค่อนข้างบาง ทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดอาการบวมได้ค่อนข้างง่ายกว่าบริเวณอื่น แต่ไม่ถือว่าเป็นอาการข้างเคียงที่อันตราย โดยอาการบวมจะค่อย ๆ หายไปประมาณ 4 - 5 วัน 


ทั้งนี้หลังฉีดหากมีอาการบวมมากผิดปกติ บวมนานเกินไป หรือรู้สึกปวดมาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เพราะอาจเป็นอาการบวมที่เกิดจากอาการแพ้ฟิลเลอร์ หรือการอักเสบติดเชื้อได้


ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันเห็นผลเต็มที่ ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นผลเต็มที่เมื่ออาการบวมหาย และฟิลเลอร์เซตตัวเข้าที่แล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หลังทำ 


อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

  1. อาการบวม รอยบวมแดง เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ตามปกติ โดยเกิดจากรอยช้ำจากเข็ม หรือบวมจากตัวฟิลเลอร์ ซึ่งอาการบวมจะยุบลงไปได้เอง

  2. ฟิลเลอร์เป็นก้อน เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แพทย์ไม่มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เลือกใช้ฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม

  3. ฟิลเลอร์อักเสบ ติดเชื้อ เกิดจากระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ไม่มีความสะอาด ทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค 

ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน


หากฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ฉีดแล้วเป็นก้อน ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ของแท้สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ค่ะ แต่ถ้าหากใช้ฟิลเลอร์ปลอมต้องทำการผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออกหรือขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น


สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ปากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากจะขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ ยังขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวเองหลังฉีดอีกด้วย ดังนั้นก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์จึงควรทำตามข้อควรปฏิบัติ รวมถึงคำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุดและอยู่กับเราไปได้นาน




Comment (1)

comment 1
rockies123 | ผิวมัน | 25-29 Yrs | 0 รีวิว 15/12/2023 17:06     
^^
Post Comment



- view all -

THE HIGHLIGHTER

- view all -