“Coolsculpting” ทางเลือกใหม่ในการกำจัดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือดูดไขมัน แต่ใช้ความเย็นในการสลายไขมันแทน สำหรับใครที่กำลังพยายามลดน้ำหนักแต่ไขมันบางส่วนบนร่างกายไม่ยอมหายไปสักที เทคโนโลยีนี้อาจเป็นคำตอบ!
ในบทความนี้ มีข้อมูลเกี่ยวกับ Coolsculpting คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อจำกัดอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? มีขั้นตอนการทำอย่างไร ? หลังทำเห็นผลลัพธ์อย่างไรบ้าง ? พร้อมวิธีดูแลตัวเองหลังทำ ให้ได้อ่านก่อนที่ตัดสินใจไปทำ
Coolsculpting คืออะไร ?
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือที่เรียกว่า ไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) เป็นวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้ความเย็นอุณหภูมิประมาณ -11 องศาเซลเซียส เข้าไปทำลายเซลล์ไขมันเฉพาะจุ
กลไกการทำงาน
- ความเย็นจะเข้าไปทำลายเซลล์ไขมัน (Adipocytes) โดยไม่ส่งผลต่อเซลล์เนื้อเยื่ออื่น ๆ
- เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะค่อย ๆ สลายตัวออกจากร่างกายตามธรรมชาติ
- ร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกผ่านระบบน้ำเหลือง
- ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นหลังทำประมาณ 3 สัปดาห์
- ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดหลังทำประมาณ 3 เดือน
- ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานหลายปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษารูปร่าง
ข้อดีของ Coolsculpting
✓เป็นวิธีการลดไขมันส่วนเกินที่ปลอดภัยและไม่รุนแรง
ไม่ต้องผ่าตัดหรือดูดไขมัน ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อหรือแผลเป็น
✓ไม่ต้องพักฟื้น
สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังทำ
✓เห็นผลลัพธ์ที่ดีและถาวร
เมื่อเซลล์ไขมันถูกทำลายไปแล้ว จะไม่สร้างเซลล์ไขมันใหม่ขึ้นมาแทนที่ได้อีก หากควบคุมน้ำหนักให้คงที่
✓สามารถเลือกลดไขมันบริเวณที่ต้องการได้อย่างเจาะจง
เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน เหนียง เป็นต้น
✓ขั้นตอนการทำไม่มีความเจ็บ
ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง อาจมีอาการบวม ชา หรือแดงเล็กน้อยชั่วคราว
✓ไม่มีรอยแผลเป็น
เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด
✓ ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
เพราะร่างกายเป็นผู้ขับถ่ายเซลล์ไขมันออกเอง จึงไม่ดูผิดธรรมชาติ
✓ได้รับการรับรองความปลอดภัย
จากองค์การอาหารและยา (FDA) ของประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว
ผู้ที่เหมาะกับการทำ Coolsculpting
CoolSculpting เหมาะสำหรับบุคคลที่มีไขมันส่วนเกินในบริเวณเฉพาะที่ไม่สามารถลดได้ด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร เช่น หน้าท้อง, ขา, แขน, เหนียง และต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดี มีค่า BMI ไม่เกิน 35 และมีความคาดหวังที่เป็นจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์หลังทำ
ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินมากหรือต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว แต่เหมาะสำหรับการปรับรูปร่างและลดไขมันส่วนเกินที่ยากจะกำจัด
อย่างไรก็ตาม ก่อนทำ Coolsculpting แพทย์จะต้องตรวจประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมของคนไข้ก่อนเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีและปลอดภัย
ขั้นตอนการทำ Coolsculpting
พบแพทย์ เพื่อประเมินพื้นที่ที่ต้องการกำจัดไขมัน และเลือกหัวเครื่องที่เหมาะสม
ชั่งน้ำหนักและวัดสัดส่วนก่อนทำ
เปลี่ยนชุดและถ่ายภาพ Before สัดส่วนบริเวณที่ทำ
ทำเครื่องหมายบริเวณที่จะทำการสลายไขมันและทำความสะอาดผิวหนัง
เริ่มทำ Coolsculpting ด้วยการนำหัว (Applicators) วางบนบริเวณที่กำหนด จากนั้นจึงเริ่มใช้ความเย็นในการแช่แข็งเซลล์ไขมัน ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่
ระหว่างทำอาจรู้สึกเย็น ตึง เจ็บเล็กน้อย และมีรอยแดงที่จะหายไปภายใน 2 สัปดาห์
แพทย์ทำการนวดบริเวณที่ทำ 2 นาที เพื่อให้ก้อนไขมันแตกตัว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสลายไขมันและช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
หลังทำเสร็จถ่ายภาพ After สัดส่วนบริเวณที่ทำ และสามารถกลับบ้านได้ทันที
เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยธรรมชาติผ่านระบบเมแทบอลิซึม ภายใน 3 เดือน
ผลลัพธ์หลังทำ Coolsculpting เป็นอย่างไร ?
หลังทำ CoolSculpting ประมาณ 3 สัปดาห์แรก จะเริ่มสังเกตเห็นว่าสัดส่วนดูเล็กลงและกระชับขึ้น และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนแบบเต็ม ๆ ภายใน 3 เดือน เพราะร่างกายเราต้องใช้เวลาขับไขมันที่ไม่ต้องการออกไปจากร่างกาย
ซึ่งในการทำ CoolSculpting 1 หนีบ จะสามารถสลายไขมันได้ประมาณ 60-70 ซีซี และลดเซลล์ไขมันได้ 20-30% ต่อครั้ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจาก CoolSculpting ไม่สามารถป้องกันการสะสมไขมันในอนาคตได้
ข้อจำกัดในการทำ Coolsculpting
- ไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะมาก ๆ หรือต้องการลดน้ำหนักอย่างมาก เพราะ Coolsculpting เหมาะกับการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดมากกว่า
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ภาวะเลือดไม่แข็งตัวปกติ หรือมีประวัติการแพ้ความเย็น ก็ไม่ควรทำ
- ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และต้องใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น บริเวณที่ทำอาจมีอาการเย็นจัด แดง หรือบวมชั่วคราว
การดูแลตัวเองหลังทำ CoolSculpting
หลังทำ CoolSculpting ไปแล้ว สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่อาจจะมีอาการบวมหรือระบมอยู่บ้าง ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือนวดแรง ๆ บริเวณที่ทำ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
และเพื่อให้ผลลัพธ์จากการทำ CoolSculpting นั้นอยู่ได้นานและเห็นผลชัดเจน อย่าลืมควบคุมอาหาร ลดการกินของมัน ของหวาน เพื่อป้องกันการสะสมไขมันใหม่ แล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยให้รูปร่างกระชับ ไม่ให้เซลล์ไขมันมีโอกาสกลับมาสะสมใหม่อีกครั้งค่ะ
สรุป Coolsculpting นับเป็นวิธีการสลายไขมันที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยข้อดีที่หลากหลาย รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการปรับรูปร่าง
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจทำ ควรได้รับแนะนำจากแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและประเมินความเหมาะสม เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด