ฉีดโบท็อก
การ “ฉีดโบท็อก” มีประโยชน์มากมายทั้งในด้านการแพทย์และความงาม โดยในปัจจุบันการฉีดโบท็อกซ์ถูกนำมาใช้ในเชิงความงามเพื่อชะลอริ้วรอยและลดริ้วรอยบนใบหน้า ฉีด Botox สามารถช่วยรักษาเส้นขมวดคิ้วระหว่างคิ้วที่เกิดเมื่อแสดงสีหน้าด้วยกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก รวมไปถึงการรักษาต่อมเหงื่อใต้วงแขน เพื่อลดปริมาณเหงื่อและกลิ่นตัวได้อีกด้วย
ฉีดโบท็อก คืออะไร ?
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของ Botulinum Toxin ชนิด A เป็นการฉีดคลายกล้ามเนื้อที่ใช้โปรตีนบริสุทธิ์ไปสกัดการปล่อย acetylcholine ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหดตัว มีการฉีดโบท็อกเพื่อใช้ในการแพทย์ทางคลินิกตั้งแต่ปี 1974 เพื่อรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับคอบิดเกร็ง ภาวะเปลือกตากระตุก และตาเหล่ โดยโบท็อกจะถูกฉีดเข้าไปในผิวหนังหรือกล้ามเนื้อเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของรอยขมวดคิ้วปานกลางถึงรุนแรงระหว่างคิ้วชั่วคราวหรือรอยตีนการอบดวงตาปานกลางถึงรุนแรง
นอกจากนี้ยังสามารถฉีดเข้าไปในบริเวณอื่น ๆ ของใบหน้าที่เกิดริ้วรอยหรือกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวผิดปกติได้ เช่น บริเวณปาก หน้าผาก หรือบริเวณคาง
โบท็อกจะถูกฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อและออกฤทธิ์โดยยับยั้งการปล่อยสารเคมีบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการกระตุก ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4 ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดยา ตำแหน่ง และการตอบสนองของแต่ละบุคคล
โบท็อก ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
การฉีดโบท็อกเพื่อความงามที่ได้รับการรับรองจาก MHRA จะช่วยปรับปรุงรอยขมวดคิ้วระหว่างคิ้วในระดับปานกลางถึงรุนแรงและรอยพับแนวนอนบนหน้าผากได้ชั่วคราวในผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นเวลาสูงสุด 12 เดือน ก่อนที่จะพิจารณาการใช้ โบท็อกซ์เพื่อความงาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูว่าเหมาะกับคุณหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองในการรักษาเหงื่อออกมากเกินไปและไมเกรนเรื้อรังอีกด้วย
นอกจากนี้เราสามารถฉีดโบท็อกเพื่อรักษาอาการตาเหล่ และภาวะเปลือกตากระตุก การฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามสามารถกำจัดเส้นระหว่างคิ้ว เส้นขมวดคิ้วระหว่างดวงตา และตีนกาใกล้ดวงตาได้ ซึ่งจะช่วยให้ดูอ่อนเยาว์โดยช่วยลดหรือขจัดริ้วรอยเหล่านี้ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที และไม่ต้องดมยาสลบ ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3 เดือนก่อนการรักษาครั้งต่อไป
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ เป็นอย่างไร ?
การฉีดโบท็อกซ์ มี 3 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: ผู้ป่วยจะได้รับครีมยาชาเฉพาะที่ให้ชาบริเวณที่ฉีด
ขั้นตอนที่ 2: แพทย์จะใช้เข็มเล็กๆ ฉีดโบท็อกจำนวนเล็กน้อยบริเวณกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยหรือริ้วรอยต่างๆ การฉีดเหล่านี้มักทำในรูปแบบตารางเพื่อให้แต่ละส่วนของใบหน้าได้รับปริมาณเล็กน้อย
ขั้นตอนที่ 3: หลังจากนั้น แพทย์จะออกแรงกดและนวดบริเวณที่ทำการรักษาเพื่อให้แน่ใจว่ายาทุกหยดซึมเข้ากล้ามเนื้อ
ฉีดโบท็อกเจ็บไหม ? ก่อนฉีดควรรู้อะไรบ้าง ?
การฉีดโบท็อกนั้นไม่ทำให้เจ็บ แต่อาจรู้สึกระคายบริเวณที่ฉีด การฉีดใช้เวลาประมาณห้านาที โดยอาจสังเกตเห็นรอยช้ำหรือบวมบริเวณที่ฉีดได้ตามปกติ แต่ควรหายไปภายใน 2-3 วัน สามารถเห็นผลลัพธ์ของการฉีด Botoxได้ทันที โดยคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน จึงอาจต้องกลับมาฉีดเพิ่มทุกๆ 3 เดือนโดยประมาณ
โบท็อก ยี่ห้อไหนดีที่สุด ?
ยี่ห้อโบท็อกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Allergan, Dysport และ Xeomin ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเหล่านี้ทำจากส่วนผสมออกฤทธิ์ชนิดเดียวกัน ซึ่งเป็นรูปแบบบริสุทธิ์ของ Botulinum Toxin ชนิด A ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างแบรนด์เหล่านี้คือ สูตรที่แตกต่างกันและอาจออกฤทธิ์แตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละคน สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ใดเหมาะกับคุณมากที่สุด
ความแตกต่างระหว่าง โบท็อกกับฟิลเลอร์ คืออะไร?
โบท็อกกับฟิลเลอร์ เป็นทั้งการรักษาแบบฉีดที่ใช้ เพื่อปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏบนผิวหนัง อย่างไรก็ตาม มีวิธีการที่แตกต่างกันและใช้ในการรักษาข้อกังวลที่แตกต่างกัน
โบท็อกซ์
มักใช้เพื่อรักษาริ้วรอยและเส้นบนใบหน้าที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อ จะยับยั้งสัญญาณประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และผิวหนังที่อยู่ด้านบนดูเรียบเนียนขึ้น โดยทั่วไป โบท็อกซ์จะใช้รักษาริ้วรอยบนหน้าผาก รอบดวงตา และระหว่างคิ้ว
ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มผิวหนังซึ่งใช้ฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรให้กับผิว มักทำจากกรดไฮยาลูโรนิกซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย เช่น สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อทำให้ริมฝีปากบางดูอวบอิ่ม ลดเลือนริ้วรอย ทำให้รอยลึกดูตื้นขึ้น และลดรอยแผลเป็น ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายประเภทให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละประเภทเหมาะสำหรับการรักษาเฉพาะด้านที่ต่างกัน
โดยสรุป ฉีดโบท็อกเพื่อลดเลือนริ้วรอยโดยการคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ในขณะฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มปริมาตรและทำให้ริ้วรอยเรียบเนียนขึ้นโดยการเติมเต็มบริเวณใต้ผิวหนัง
ข้อควรทราบสำหรับการฉีดโบท็อก
- หลีกเลี่ยงแสงแดดและแหล่งกำเนิดแสงอัลตราไวโอเลตอื่นๆ ซึ่งรวมถึงเตียงอาบแดดซึ่งปล่อยทั้งรังสี UVA และ UVB คุณอาจไม่เห็นรอยแดงหรือบวมทันที แต่ความเสียหายที่ผิวหนังอาจเกิดขึ้นได้ภายในเวลาเพียงหกชั่วโมง การหลีกเลี่ยงแสงแดดจะช่วยป้องกันความเสียหายนี้ไม่ให้เกิดขึ้น
- หลีกเลี่ยงการทำให้เหงื่อออกมากเกินไปหรือร้อนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ Botulinum Toxin กระจายออกจากกล้ามเนื้อใบหน้าไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น หนังตาตก และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- งดออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังการฉีดยา การออกกำลังกายหนักๆ จะทำให้เลือดไหลเวียนไปที่ใบหน้ามากขึ้น ซึ่งอาจแพร่สารพิษไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้เร็วเกินไป
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบนใบหน้าเป็นเวลาอย่างน้อยสองวันหลังการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีรอยช้ำหรือมีเลือดออกใต้ผิวหนังที่เกิดจากการยกกล้ามเนื้อที่ฉีด
- อย่านำเครื่องดื่มเย็นๆ แนบหน้าเป็นเวลาอย่างน้อยสองวันหลังการฉีดยา เพราะจะทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าเพิ่มขึ้นชั่วคราวและส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการรักษา
สรุป
การฉีดโบท็อกมีประโยชน์ทางการแพทย์และความงามมากมาย รวมถึงการลดริ้วรอย ป้องกันไมเกรน และรักษาเหงื่อออกมากเกินไป หากคุณกำลังมองหาการรักษาด้วยโบท็อก สามารถสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก V Square Clinic เพื่อขอคำปรึกษาได้ทันที เพื่อช่วยให้คุณดูดี ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง และรู้สึกดีที่สุด