ปกติแล้วการ ฉีดฟิลเลอร์ (filler) สามารถทำได้หลายบริเวณทั่วทั้งใบหน้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกที่เริ่มมีมากขึ้นตามวัย รวมถึงช่วยปรับรูปหน้าเพื่อให้มีมิติ แต่หลายคนสงสัยใช่ไหมคะว่ามีตำแหน่ง ไหนบ้างที่เมื่อฉีดไปแล้ว สามารถให้ผลลัพธ์ที่เห็นผลเปลี่ยนแปลงชัดเจน หน้าดูเด็กลงจนคนรอบข้างทัก
บทความนี้เราได้รวบรวม 7 จุดฉีด Filler ยอดฮิตมีตรงไหนบ้างที่ฉีดแล้วปังมาไว้ให้แล้ว แต่ละจุดเหมาะ กับใคร ? ต้องฉีดฟิลเลอร์กี่ cc ถึงจะเห็นผล ? ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดฟิลเลอร์ ? ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ
รวม 7 จุดฉีด Filler สุดฮิต มีอะไรบ้าง ?
- Filler หน้าผาก ช่วยเติมให้หน้าผากมีความโหนกนูน มีมิติ เสริมบารมี เสริมโหงวเฮ้งรับทรัพย์ เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน
- Filler ขมับ ช่วยทำให้หน้าดูสวยงามได้สัดส่วนมากขึ้น ทำให้หน้าดูเด็กลง ดูหวานละมุน เสริมโหงวเฮ้งด้านการค้าขาย เหมาะกับคนที่มีปัญหาขมับยุบ ขมับตอบ ทำให้หน้าดูแก่
- Filler ใต้ตา ช่วยลดความหมองคล้ำ เติมเต็มร่องลึกใต้ตา แก้ปัญหาริ้วรอย ทำให้หน้าดูเด็กลง ดวงตากลับมาดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย มีร่องลึกใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ทำให้หน้าดูโทรมอ่อนล้า
- Filler แก้มส้ม ช่วยเติมเต็มบริเวณหน้าแก้มให้ดูอวบอิ่มมีมิติ และยังช่วยให้หน้าดูเด็กลงด้วยนะคะ เหมาะกับคนที่มีปัญหาแก้มแบน แก้มตอบ แก้มยุบจากการยุบตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน
- Filler ร่องแก้ม ช่วยให้ใบหน้ามีความกระชับขึ้น ลดอายุ ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เติมร่องลึกให้มีความตื้น และดูเต็มขึ้นมา เหมาะกับคนที่มีปัญหาร่องแก้มลึกจากการยุบตัวของกระดูก
- Filler ปาก ช่วยเติมความชุ่มชื้น เติมเต็มปากที่เป็นร่องให้ดูอวบอิ่ม ปรับแต่งริมฝีปากให้ได้รูปทรงที่สวยงามรับกับใบหน้ามากขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาทาลิปแล้วตกร่อง ปากแห้ง ปากบาง หรือทรงปากไม่ได้รูป
- Filler คาง ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้สัดส่วนโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋มคางไม่เท่ากัน
โดยบริเวณทั้ง 7 จุดนี้ เพื่อน ๆ สามารถฉีดได้พร้อมกันได้ด้วยค่ะ ขึ้นอยู่กับการประเมินปัญหาผิวโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การปรับรูปหน้า ก็จะช่วยให้ภายรวมของใบหน้า ละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้
เรียกได้ว่า Filler เป็นที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ได้อย่างเห็นผล ที่สำคัญยังเป็นหัตถการที่เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้หน้าต่อได้เลย โดยหลังจากฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ปรับรูปหน้าเด็กลงได้อย่างทันใจเลยค่ะ
ฉีด Filler แต่ละจุดใช้กี่ cc กันนะ ?
ทั้ง 7 จุดฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้า โดยส่วนมากแล้วใช้ปริมาณ filler ดังนี้ค่ะ
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 3-5 cc
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 2-4 cc
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 2-4 cc
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 1-2 cc
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 1-3 cc
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 1-2 cc
- ฉีดฟิลเลอร์คาง ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 1-2 cc
จำนวน cc filler ข้างต้นเป็นปริมาณที่ควรใช้ในแต่ละจุดคร่าว ๆ นะคะ บางคนอาจจะใช้จำนวน cc ที่มากหรือน้อยกว่านี้ โดยเพื่อน ๆ ต้องเข้าปรึกษากับแพทย์ก่อนทำเพื่อประเมินจำนวน cc ที่ใช้ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันอยู่แล้ว นอกจากขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ยังขึ้นอยู่กับปัญหาบนใบหน้าที่พบ และความพึงพอใจของเพื่อน ๆ แต่ละคนด้วยนะคะ
ก่อนฉีด Filler เตรียมตัวอย่างไรให้เหมาะสม ?
เพื่อให้ผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ออกมาปัง โดนใจ อยู่ในใบหน้าเราได้นาน ๆ มีวิธีการเตรียมตัวก่อนไปฉีดฟิลเลอร์ได้ ดังนี้
- ดูรายละเอียดข้อมูลที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ วิธีดูฟิลเลอร์แท้ในแต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย และมั่นใจในผลลัพธ์
- ปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินในบริเวณจุดที่ต้องการฉีดว่าต้องใช้ปริมาณ filler กี่ cc เพื่อแก้ปัญหา และเสริมตรงจุดนั้นให้ปังโดนใจค่ะ
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องกินประจำ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และวิตามินบางชนิดก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของการผลัดเซลล์ผิว
- งดการเลเซอร์หรือนวดหน้าก่อนฉีดfiller อย่างน้อย 3 วัน
- งดการแว็กซ์ผิว ดึง หรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- หากมีแผลหรือผิวหนังอักเสบมีการติดเชื้อ แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด filler
สรุป
เพื่อน ๆ คงจะได้รู้กันแล้วว่ามีจุดฉีด filler จุดไหนบ้าง ที่ฉีดแล้วสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ทำให้หน้าดูมีมิติ ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ เลือกบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินใบหน้า จะได้รู้ว่าเราควรใช้ปริมาณฟิลเลอร์กี่ cc ถึงจะเหมาะสมช่วยให้ใบหน้าสวยได้รูปมากที่สุดนะคะ