Radiesse Filler นวัตกรรมงานผิวตัวใหม่ ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง แน่นกระชับ เพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า คืนความอ่อนเยาว์
บทความนี้จึงจะพาไปทำความรู้จักกับ Radiesse ให้มากขึ้น ทั้ง Radiesse Filler คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใคร ? ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ใช้กี่ CC ? รวมถึงฉีดแล้วเห็นผลเมื่อไร ? อยู่ได้นานไหม ?
Radiesse Filler คืออะไร ?
Radiesse Filler คือ นวัตกรรมฟื้นฟูสุขภาพและโครงสร้างผิว มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มผิวคล้ายกับฟิลเลอร์ HA (Hyaluronic Acid) ที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน เพียงแต่มีส่วนประกอบหลักเป็น CaHA (คา-ฮ่า) หรือ Calcium Hydroxylapatite microsphere (แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ไมโครสเฟียร์ ) จึงทำให้ Radiesse Filler มีคุณสมบัติอื่นที่แตกต่างออกไป นั้นคือ Radiesse Filler สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้ด้วย จึงทำให้ผลลัพธ์หลังฉีด ผิวเฟิร์ม แน่นกระชับและอิ่มฟูได้มากยิ่งขึ้น
รู้จักกับ CaHA (คา-ฮ่า)
CaHA (คา-ฮ่า) คือ สารสังเคราะห์ทางการแพทย์ที่ผลิตเลียนแบบ CaHA ตามธรรมชาติในร่างกาย ซึ่งทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ในทางการแพทย์สารสังเคราะห์ CaHA มีใช้มานานกว่า 25 ปีแล้ว และมีข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยรองรับ
Radiesse Filler ช่วยเรื่องอะไร ?
Radiesse Filler โดดเด่นในเรื่องแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการฟื้นฟูผิวหน้าและการเสริมความงาม ได้แก่
Radiesse Filler เหมาะกับใคร ?
คนที่เหมาะกับการฉีด Radiesse Filler คือคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์และผิวหนังของใบหน้า ดังนี้
- คนที่มีริ้วรอยหรือร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องมุมปาก
- คนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด ดูแก่กว่าวัย
- คนที่มีผิวหน้าแห้ง รูขุมขนกว้าง ขาดความยืดหยุ่น
- คนที่มีปัญหาความเหี่ยวย่น บริเวณหลังมือ ลำคอ
- คนที่ต้องการเสริมความงาม ช่วยให้หน้าเด็กลงโดยไม่ต้องผ่าตัด
- คนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
ผลลัพธ์ Radiesse Filler ช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น
ทั้งนี้ ก่อนฉีด Radiesse Filler ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพราะอาจไม่เหมาะสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ หรือ มีการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด
ฉีด Radiesse Filler ตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ใช้กี่ CC ?
ตำแหน่งที่สามารถฉีด Radiesse Filler ได้มีหลายตำแหน่ง เช่น
- ใบหน้า
- หน้าแก้ม
- ร่องแก้ม
- ร่องน้ำหมาก
- หลังมือ
โดยปริมาณ CC ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่จะฉีด เป้าหมายการแก้ไข และความหนาแน่นของผิวหนัง ดังนั้น การฉีด Radiesse Filler ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์เท่านั้น โดยตำแหน่งที่ฉีด Radiesse Filler ได้ และปริมาณ CC ที่อาจใช้ มีดังนี้
- ร่องแก้มและบริเวณแก้ม ใช้ประมาณ 1.5 -3 CC
- ร่องน้ำหมาก ใช้ประมาณ 1 - 2 CC ขึ้นอยู่กับระดับของร่องลึกและปริมาณที่ต้องการเติม
- บริเวณกรามและขอบกราม ใช้ประมาณ 1 - 3 CC ขึ้นอยู่กับรูปทรงและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
- บริเวณมือ ใช้ข้างละประมาณ 1 - 2 CC ขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อย
ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ฉีด Radiesse Filler เข้าใต้ผิวหนังบริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตา ร่องระหว่างคิ้ว จมูก ปาก และรอบปาก หากมีปัญหาผิวในบริเวณเหล่านี้ สามารถเลือกทำหัตถการอื่น ๆ แทนได้
ฉีด Radiesse Filler เห็นผลเมื่อไร ? อยู่ได้นานไหม ?
หลังฉีด Radiesse Filler จะรู้สึกได้ว่าผิวยกกระชับขึ้น ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น เป็นการเห็นผลได้ทันทีส่วนหนึ่ง จากนั้นประมาณ 3 - 4 สัปดาห์จะเห็นผลได้ชัดเจน ผิวแน่นขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
การทำงานของ Radiesse Filler จะเริ่มกระตุ้นคอลลาเจนเต็มประสิทธิภาพ ในช่วงประมาณ 3 - 6 เดือนหลังฉีด โดยจะเริ่มรู้สึกว่าผิวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ ผิวยกกระชับ ยืดหยุ่น ใบหน้ามีวอลลุ่มมากขึ้น รวมถึงสุขภาพผิวแข็งแรงมากขึ้น
ด้านการคงผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี ขึ้นอยู่กับความถี่ในการฉีด (แนะนำให้ฉีดติดต่อกัน 1 - 3 ครั้ง) การดูแลตัวเอง และการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผิวเสี่ยงต่อการสูญเสียคอลลาเจน
สรุป
Radiesse Filler เป็นหัตถการงานผิวทางเลือกใหม่ในการกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ ต้องการมีผิวที่อ่อนเยาว์ เพราะช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก รวมถึงชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้
สำหรับใครที่สนใจฉีด Radiesse Filler ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือก่อนการตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเป็นไปตามที่คาดหวัง