รวมข้อมูลที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร ? ใช้กี่ cc ? ฉีดยี่ห้อไหนดี ?
Room : Others
admin_vsq | ผิวผสม | 25-29 Yrs | 0 รีวิว 21/05/2024 14:16     

ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ มีถุงใต้ตา ล้วนเป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าของเราดูโทรม ไม่สดใส ซึ่งฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด โดยเห็นผลได้ทันที


ในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ใครที่กำลังสนใจหรือกำลังวางแผนที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ควรพลาดค่ะ


ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?



ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-eye filler) คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid) เป็นสารที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย สามารถสลายได้เอง เข้าไปยังบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาต้องการแก้ไข ช่วยให้ปัญหาใต้ตาดีขึ้นได้ทันทีหลังทำ ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้น ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ


ฉีด filler ใต้ตา ดีอย่างไร ? ช่วยอะไรได้บ้าง ?


ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่เห็นเด่นชัดคือเป็นหัตถการที่ใช้เวลาทำไม่นาน ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ โดยสามารถช่วยแก้ปัญหาใต้ตาต่าง ๆ ได้ ดังนี้



  1. ลดขอบตาดำคล้ำ ทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส
  2. เติมเต็มเบ้าตาลึก ตาโหล ที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา
  3. แก้ปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย
  4. ลดริ้วรอยใต้ตา รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร ?


การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาและมีความต้องการต่อไปนี้:


  • ผู้ที่มีปัญหาขอบตาดำคล้ำ ตาลึก ตาโหล มีถุงใต้ตา มีริ้วรอยใต้ตาหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ไม่มีเวลาในการพักฟื้น
  • ผู้ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลมากขึ้น เช่น เมื่อเติมเต็มแอ่งใต้ตา ก็จะทำให้บริเวณโหนกแก้มดูเด่นขึ้น


ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจฉีด ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อวิเคราะห์ปัญหา ให้คำแนะนำ และเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ? มีข้อควรระวังเรื่องอะไรบ้าง ?



ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอย่างที่หลายคนกังวล หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้รับรองจาก อย. นำเข้าอย่างถูกต้อง

โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ปลอดภัยมี 3 ข้อควรระวังดังนี้ค่ะ


  1. ไม่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคน น้ำมันพาราฟิน หรือฟิลเลอร์ที่ลักลอบนำเข้ามาแบบผิดกฎหมาย มีการเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
  2. ไม่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หมอกระเป๋าที่ไม่มีประกอบวิชาชีพ
  3. ไม่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีใบประกอบกิจการสถานพยาบาล หรือคลินิกเถื่อนที่เปิดอย่างผิดกฎหมาย มีความเสี่ยงสูงที่แพทย์จะไม่ใช่แพทย์จริง และฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่ใช่ของแท้


อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังฉีด filler ใต้ตา


การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการยอดนิยม และมีความผลอดภัยก็จริง แต่หลังฉีดก็อาจมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา ทั้งแบบปกติ และไม่ปกติ ดังนี้ 


1. อาการบวม รอยช้ำใต้ตา


หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจเกิดอาการบวมช้ำ หรือรอยช้ำบริเวณใต้ตาจากรอยเข็มได้เป็นปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบาง หรือผิวบวมช้ำได้ง่าย โดยอาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เองภายใน 7-14 วัน ไม่เป็นอันตราย ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้อาการบวมหายไวและฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว


2. ฟิลเลอร์ไหลออกจากตำแหน่งที่ฉีด


เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ เลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข และอีกสาเหตุคือ การฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่สามารถสลายได้เอง ส่งผลให้เมื่อเวลาผ่านไป ฟิลเลอร์จึงไหลย้อยลงมา


3. ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีสาเหตุเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์แล้วไหลออกจากตำแหน่งที่ฉีด คือ เกิดได้จากแพทย์เลือกฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้น หรือใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไป และเกิดได้จากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่สลายได้เอง ทำให้เกิดเป็นก้อนบวมใต้ตาถาวร และอาจทำให้เกิดอาการฟิลเลอร์เน่าตามมาได้ค่ะ


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc ?


โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์จะประเมินใช้ข้างละ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาของแต่ละคน เช่น ระดับความลึกของร่องใต้ตา ปัญหาถุงใต้ตา โดยถ้าหากมีปัญหาในระดับมากเช่น คนที่มีปัญหากระดูกใต้ตาเกิดการยุบตัวมาก ซึ่งส่วนมากจะพบได้ในคนที่มีอายุเยอะ แพทย์อาจจะประเมินให้ใช้ข้างละ 2-3 cc


ฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกฉีดยี่ห้อไหนดี ?


ฟิลเลอร์ที่สามารถนำมาใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีหลายรุ่น หลายยี่ห้อค่ะ โดยในบทความนี้ขอแนะนำฟิลเลอร์ 6 รุ่นจาก 3 ยี่ห้อดัง Juvederm Restylane และ Belotero ที่ได้รับรองจาก อย. ไทย และคลินิกความงามที่ได้มาตรฐานนิยมใช้ ดังนี้


รุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์

คุณสมบัติ

เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ

ระยะเวลาการคงอยู่

1. Juvederm Voluma

เนื้อแน่นและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง

เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา/คาง/ขมับ/ปาก/ร่องแก้ม

18 เดือน

2. Juvederm Volite

เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเป็นธรรมชาติ

เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา/บำรุงผิวชุ่มชื้น

8-12 เดือน

3. Restylane Vital light

เนื้อละเอียด เจลอนุภาคเล็ก แก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ

เหมาะสำหรับฉีดเก็บรายละเอียด ใต้ตา/ผิวชั้นตื้น/ปาก

6-12 เดือน

4. Restylane Defyne

เนื้อแน่น เนื้อเจลมีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง ใช้ฉีดกระดูกที่ยุบตัวในผิวชั้นลึก

เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา

18 เดือน

5. Belotero Volume

เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง

เหมาะสำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก

18 เดือน

6. Belotero Revive

เนื้อละเอียด เพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ในผิวชั้นตื้น

เหมาะฉีดใต้ตา/ปรับสภาพผิวหน้า/ปาก/ลำคอ/หลังมือ

6-9 เดือน


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ? แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อให้แพทย์เลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ปัญหาใต้ตา และงบประมาณของเราที่ตั้งไว้


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานกี่เดือน ?



ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ และอาการบวมหาย 100% ส่วนผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน


หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?



  1. หลีกเลี่ยงการกด นวด ถู บริเวณรอบ ๆ ดวงตา
  2. ในช่วงแรกพยายามไม่ขยับใบหน้าเยอะ ๆ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนออกจากตำแหน่งได้
  3. อยู่ในที่ ๆ มีอากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารหมักดอง อาหารดิบ อาหารรสจัด และการสูบบุหรี่ เพราะมีผลต่ออาการบวมให้ช้าลง
  5. งดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิวเป็นเวลา 1 เดือน
  6. ดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตรหรือให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น


สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตา


ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาที่เหมาะสมกับผู้ต้องการเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้อย่างหลากหลาย มีความปลอดภัยสูง มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้น้อย หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ และใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐานค่ะ





Comment (0)
Post Comment



- view all -

THE HIGHLIGHTER

- view all -