ร้อยไหมยกกระชับผิวหย่อนคล้อย มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง? เหมาะกับใคร?
Room : Others
admin_vsq | ผิวผสม | 25-29 Yrs | 0 รีวิว 21/05/2024 14:42     

การร้อยไหม นวัตกรรมความงามที่กำลังมาแรงในตอนนี้ เป็นหัตถการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น เหมาะกับผู้ที่กำลังเจอกับปัญหาใบหน้ามีความหย่อนคล้อย ขาดความยกกระชับ มีปัญหาหนังตาตก หางตาตก หรือต้องการเพิ่มความโด่งของสันจมูก


สำหรับใครที่มีความสนใจหรือกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการร้อยไหมว่าคืออะไร ? เหมาะกับใคร ? สามารถร้อยไหมบริเวณไหนได้อีกบ้าง ? มีข้อดี - ข้อเสียอย่างไร ? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้ค่ะ


ร้อยไหม คืออะไร ?



การร้อยไหม (Thread Lifting) คือ การสอดไหมละลายเข้าไปใต้ชั้นผิว เงี่ยงไหมจะทำการเกี่ยวกับผิวและดึงผิวขึ้นมาตามทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป และการร้อยไหมจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณรอบ ๆ ไหม ผิวจึงมีความยกกระชับ เต่งตึงขึ้น


ร้อยไหม ช่วยอะไรได้บ้าง ?



  • ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ช่วยยกกระชับกรอบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟ
  • ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากัน จากแก้มหย่อน แก้มย้อยไม่เท่ากัน
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวมีความเต่งตึง


ร้อยไหมบริเวณไหนได้บ้าง ?


การร้อยไหมสามารถทำได้หลายบริเวณเพื่อช่วยแก้ปัญหารูปหน้า ดังนี้


  • ร้อยไหมหน้าเรียว หรือร้อยไหมกรอบหน้า ปรับรูปหน้าเรียววีเชฟ
  • ร้อยไหมหน้าผาก ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าผากให้เรียบตึง (ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยม เพราะมีหัตถการอื่นที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า)
  • ร้อยไหมยกหางตา แก้ปัญหาหนังตา หางตา หางคิ้วตก หรือปรับรูปตาให้สวยเฉี่ยวแบบ Foxy eyes
  • ร้อยไหมจมูก เพิ่มความโด่งของสันจมูก ลดขนาดปีกจมูก
  • ร้อยไหมยกมุมปาก แก้ปัญหามุมปากตก ปากคว่ำ ลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปาก


ร้อยไหมเหมาะกับใคร ?



  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน อีลาสตินตามอายุที่มากขึ้น
  • ผู้ที่มีใบหน้าไม่ได้สัดส่วน หน้าไม่เท่ากัน มีแก้มหย่อนมาก ๆ ผิวกรอบหน้าไม่กระชับ
  • ผู้ที่มีปัญหาหนังตา หางตา หางคิ้วตก
  • ผู้ที่ต้องปรับหน้าเรียว โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น


ร้อยไหมมีกี่แบบ ?


การร้อยไหมมี 2 แบบ คือ ไหมละลาย และไหมไม่ละลาย ซึ่งในปัจจุบันไหมไม่ละลาย เช่น ไหมทองคำ ไม่นิยมใช้กันแล้วค่ะ เพราะโลหะจะดูดความร้อน จึงไม่สามารถทำเลเซอร์หรือ MRI scan ได้ และไม่สามารถสลายออกไปได้เอง ทำให้มีสารตกค้างอยู่ในร่างกาย


โดยในปัจจุบันการร้อยไหมจะนิยมใช้ไหมละลายเนื่องจากสามารถสลายได้ตามธรรมชาติ 100% ไม่ตกค้างในร่างกาย ทั้งยังได้รับรองจาก อย.ไทย และอเมริกา ซึ่งไหมละลายที่นำไปใช้ในการร้อยไหม จะแบ่งได้ออกเป็น 6 แบบหลัก ๆ ตามลักษณะของเส้นไหม



  1. ไหมเงี่ยง เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงยื่นออกมากช่วยเกี่ยวยกกระชับผิว เป็นไหมที่หลายคลินิกนิยมนำมาใช้ร้อยไหมกันค่ะ โดยมีชื่อเรียกที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิกตั้งขึ้นมา เช่น ไหมก้างปลา ไหมกุหลาบ ไหมฟันฉลาม
  2. ไหมมิ้นท์ ไหมเงี่ยง 360 องศา แบบ 3 มิติ สามารถยึดเกาะติดกับผิวหนังได้หลายทิศทาง ยกกระชับได้ดี ตัวไหมมีความแข็งแรง ไม่ขาดง่าย
  3. ไหมโครงตาข่าย นวัตกรรมการร้อยไหมล่าสุด ลักษณะเป็นไหมเงี่ยงที่ล้อมรอบด้วยโครงตาข่ายอีกชั้น ไหมมีความแข็งแรง ช่วยยกระชับผิวและกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้ดี โดยการร้อยไหมโครงตาข่าย 1 เส้น จะเทียบเท่าได้กับการร้อยไหมทั่วไป 2 เส้น
  4. ไหมเกลียว คล้ายไหมเรียบ แต่มีลักษณะเป็นไหม 2 เส้นรวมเข้าด้วยกันคล้ายเกลียว เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยไม่มาก แต่หลังร้อยอาจมีปัญหาเรื่องอาการบวมช้ำหลังร้อยไหม
  5. ไหมกรวย เส้นค่อนข้างเล็ก มีลักษณะเป็นพลาสติกทรงกรวยอยู่ระหว่างปมของเส้นไหม มีราคาสูงและใช้เวลาในการทำนาน รวมถึงอาจมีอาการปวดบวมหลังทำ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
  6. ไหมเรียบ เป็นไหมละลายเส้นเล็ก ไม่มีเงี่ยง ไม่สามารถนำมาร้อยเพื่อยกกระชับผิวได้ แต่จะนำไปร้อยเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน แก้ปัญหาหลุมสิว ริ้วรอย


ทั้งนี้การเลือกใช้ไหมจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินรูปหน้าก่อนการทำหัตถการเพื่อให้แพทย์เป็นผู้แนะนำไหมที่เหมาะกับความต้องการและปัญหาของเราที่สุดค่ะ


ข้อดี - ข้อเสีย ของการร้อยไหมที่ต้องรู้ ?


ข้อดีของการร้อยไหม


  • ไหมละลายสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่มีตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง
  • สามารถปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม
  • เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น
  • สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ (ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้แพทย์เรียงลำดับหัตถการตามความเหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด)


ข้อเสียของการร้อยไหม


  • ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวร ต้องกลับมาทำซ้ำเมื่อผิวเริ่มกลับมาหย่อนคล้อย
  • มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบวมช้ำได้ง่ายหลังทำ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบาง
  • หากใช้ไหมที่ไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายหลังทำ เช่น การอักเสบติดเชื้อ
  • หากร้อยไหมกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการร้อยที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาหลังร้อยไหมได้ เช่น ร้อยไหมแล้วไม่เห็นผล หรือเห็นเป็นรอยบุ๋มหลังร้อย


ร้อยไหมกี่วันเห็นผล ? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ?


ขอบคุณรูปจาก V square clinic


ร้อยไหมเป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์การยกกระชับหลังทำได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่อาจจะมีอาการบวม รู้สึกตึง ๆ หลังทำ ซึ่งจะหายไปได้เองประมาณ 7 - 14 วัน


โดยจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่หลังจากอาการบวมหายและไหมเข้าที่แล้วประมาณ 1 เดือนหลังทำ


ในส่วนของผลลัพธ์จากการร้อยไหมสามารถอยู่ได้นานประมาณ 4 เดือน - 1 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม สภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังทำ เมื่อไหมละลายหรือเริ่มรู้สึกว่าผิวกลับมาหย่อนคล้อยสามารถกลับมาร้อยใหม่ได้ตามความเหมาะสม ไม่เป็นอันตรายค่ะ


ร้อยไหมเจ็บไหม ?


รูปขณะแปะยาชาก่อนการร้อยไหม


การร้อยไหมจะมีการแปะยาชา และฉีดยาชาก่อนทำซึ่งจะเจ็บในขั้นตอนของการฉีดยาชา แต่ระหว่างการร้อยไหมจะไม่รู้สึกเจ็บ โดยหลังทำเมื่อยาชาหมดฤทธิ์อาจมีอาการตึง ๆ ผิว หรืออาการปวด ซึ่งทางคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวดให้หลังทำหัตถการค่ะ


ร้อยไหมอันตรายไหม ?


การร้อยไหมจะไม่เป็นอันตรายถ้าหากใช้บริการคลินิกร้อยไหมที่ได้มาตรฐาน ใช้ไหมละลายที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก อย. สามารถสลายได้เอง และร้อยไหมกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ และได้ผลลัพธ์ที่ดี


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังร้อยไหม


หลังร้อยไหมอาจพบอาการตึงหน้า หรืออาการบวม รอยเขียวช้ำ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ตามปกติ อาการเหล่านี้จะสามารถหายไปได้เองภายใน 7 - 14 วัน


ทั้งนี้หลังร้อยไหมก็อาจเจอกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้ไหมที่ไม่มีคุณภาพ หรือร้อยไหมกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ


  • ไหมเคลื่อน ไหมขาด เกิดจากหลังร้อยไหมมีการขยับใบหน้าบ่อย ๆ ขยับใบหน้าแรง ๆ ทำให้ไหมเกิดการเคลื่อน หรือขาดได้
  • การอักเสบติดเชื้อ เกิดจากการร้อยไหมที่ไม่มีคุณภาพ หรือทำหัตถการกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความสะอาด ทำให้อาจเกิดการติดเชื้อระหว่างทำ
  • รอยบุ๋มตามแนวร้อยไหม เกิดจากการที่แพทย์ร้อยไหมในผิวชั้นตื้นเกินไป
  • เกิดพังผืดใต้ผิว เกิดจากการใช้ไหมของปลอมที่ไม่สามารถสลายได้เอง หรือแพทย์ร้อยไหมทับซ้อนมากเกินไป


ข้อควรปฏิบัติก่อน - หลังร้อยไหม เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี


วิธีเตรียมตัวก่อนร้อยไหม




  • งดยาแอสไพริน ยากลุ่ม NSAIDs งดวิตามิน เนื่องจากจะทำให้เลือดออกง่าย 3 วันก่อนทำหัตถการ
  • งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Retin A หรือครีมในกลุ่ม Anti - Aging 3 วันก่อนทำหัตถการ
  • งดการแวกซ์จน ดึงขนหรือโกนขนบริเวณที่จะร้อยไหม 3 วันก่อนทำหัตถการ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ กิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมงก่อนร้อยไหม 1 วันก่อนการทำหัตถการ
  • หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง ควรแจ้งแพทย์ก่อนการทำหัตถการ


วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหม



  • หากมีอาการบวมสามารถรับประทานยาลดบวม ประคบเย็น รับประทานน้ำสมุนไพร เช่น น้ำใบบัวบก น้ำฟักทอง เพื่อช่วยบรรเทาอาการบวม
  • หลังร้อยไหมสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ให้เลี่ยงการทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
  • งดการออกกำลังกายอย่างหนัก การว่ายน้ำ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงดื่มแอลกอฮอล์ ของหมักดอง ของดิบ เป็นเวลา 48 ชั่วโมงหลังร้อยไหม
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด บริเวณที่ร้อยไหมเป็นเวลา 3 วัน
  • พยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไหมเคลื่อนหรือไหมขาด ในช่วง 3 วันหลังทำ
  • งดการทำฟัน 1 เดือนหลังทำ
  • งดการนวดใบหน้าแรง ๆ เป็นเวลา 2 เดือน
  • งดการยิงเลเซอร์ร้อน เช่น Thermage Ulthera บริเวณที่ร้อยไหมเป็นเวลา 2 เดือน


สรุป ร้อยไหม


การร้อยไหมเป็นหัตถการปรับรูปหน้าที่สามารถช่วยแก้ปัญหารูปหน้าได้หลายบริเวณ เช่น กรอบหน้าหย่อนคล้อย เพิ่มสันจมูกให้โด่งขึ้น ยกหางตาให้เฉี่ยวคม โดยที่ไม่ศัลยกรรมผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ทำให้ได้รับความนิยมในปัจจุบัน


การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ไม่อันตรายอย่างที่ใครหลายคนกังวล หากใช้ไหมละลายของแท้ ร้อยไหมโดยคุณหมอที่มีประสบการณ์ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน




Comment (0)
Post Comment



- view all -

THE HIGHLIGHTER

- view all -