การฉีดเมโสหน้าใส เป็นทางลัดสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย จุดด่างดำ หรือปัญหาสิวอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนตัดสินใจฉีดเมโสหน้าใส ควรรู้ข้อมูลสำคัญเพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
ในบทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับการฉีดเมโสหน้าใส ว่าคืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใคร อันตรายไหม มีสูตรไหนเป็นที่นิยม ต้องทำกี่ครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน และวิธีการดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีด
ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร ?
การฉีดเมโสหน้าใส หรือการทำเมโสเทอราปี (Mesotherapy) เป็นวิธีการใช้วิตามินและสารบำรุงฉีดเข้าสู่ผิวชั้นกลาง (Dermis) โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวแห้ง สิว ฝ้า และจุดด่างดำ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสูตรที่เลือกใช้
วิธีนี้ช่วยให้เห็นผลเร็วกว่าใช้ครีมทั่วไป โดยจะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน หลังตัวยาออกฤทธิ์อย่างเต็มที่
ข้อควรรู้ : คำว่า "เมโส" ใน "การฉีดเมโสหน้าใส" มาจากภาษากรีกโบราณ หมายถึง "ตรงกลาง" หรือ "ชั้นกลาง" นั่นเอง การฉีดเมโสหน้าใส จึงเป็นการฉีดสารบำรุงผิวต่าง ๆ ลงไปยังชั้นกลางของผิว (Dermis)
สูตรฉีดเมโสหน้าใสที่นิยม มีอะไรบ้าง ?
โดยปกติแล้วแต่ละคลินิกจะมีสูตรเมโสหน้าใสที่ใช้แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้ สำหรับสูตรเมโสหน้าใสที่นิยมใช้กัน มีอยู่ประมาณ 3 สูตร ได้แก่
1. สูตรเน้นลดสิว แก้ผื่น – นิยมใช้เมโสหน้าใสยี่ห้อ Made Collagen
2. สูตรเน้นหน้าใส – นิยมใช้เมโสหน้าใสยี่ห้อ Filorga, REVS, Rejuran
3. สูตรเน้นลดฝ้า กระ จุดด่างดำ – นิยมใช้เมโสหน้าใสยี่ห้อ Alpha arbutin, Tensonez, Neo-Glutanex Glow
หากกำลังมองหาการเลือกฉีดเมโสหน้าใส สูตรไหน ยี่ห้อไหนดี ลองศึกษาจุดเด่นของเมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้ออย่างละเอียด จากนั้นจึงพิจารณาตามความต้องการของผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำก่อนตัดสินใจฉีดเมโสหน้าใสทุกครั้ง
วิธีการฉีดเมโสหน้าใส มีกี่แบบ ?
วิธีในการฉีดเมโสหน้าใสมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ ได้แก่
1. การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิดทั่วหน้า
เป็นการฉีดตัวยาลงบนชั้นผิวตื้น ๆ เหมือนการสะกิดเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า ข้อดีของวิธีนี้คือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นบน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น แต่ก็มีข้อเสียเช่น อาจเกิดรอยช้ำแดงจากเข็มได้มากกว่า และหากไม่รักษาความสะอาดก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
2. การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด
เป็นวิธีที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาของวิธีการฉีดเมโสแบบสะกิดและการฉีดตามจุดต่าง ๆ โดยจะฉีดตัวยาตามต่อมน้ำเหลือง 16 จุดทั่วใบหน้า ทำให้ตัวยากระจายและออกฤทธิ์ได้ทั่วใบหน้า ข้อดีคือ มีรอยเข็มน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า และเจ็บน้อยกว่า อีกทั้งการที่แพทย์ฉีดตัวยาลงไปตามต่อมน้ำเหลือง 16 จุด จะทำให้ตัวยาค่อย ๆ ออกฤทธิ์และอยู่นานกว่าการฉีดแบบสะกิดทั่วหน้า เทคนิคนี้จะเห็นผลได้ชัดเจนและยาวนานกว่า
ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไร ?
สูตรยาที่ใช้ฉีดเมโสหน้าใสส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวิตามิน ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ เสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ลดสิว ลดผื่น ลดฝ้า กระ รอยดำ
ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใคร ?
การฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวแบบเร่งด่วน เช่น ผิวโทรมจากการพักผ่อนน้อย หรือผิวแห้ง ที่การใช้สกินแคร์หรือทานวิตามินอาจเห็นผลช้า การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการฉีดสารบำรุงเข้าผิวโดยตรง ทำให้เริ่มเห็นผลได้ไวตั้งแต่ 3-14 วัน
ฉีดเมโสหน้าใส ต้องทำกี่ครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน ?
จำนวนครั้งที่ต้องฉีดเมโสหน้าใส ขึ้นอยู่กับสูตรยาของแต่ละคลินิกและสภาพผิวของแต่ละคน โดยทั่วไปจะต้องฉีดเป็นประจำในช่วงแรก นิยมฉีดทุก 1 สัปดาห์ หรือบางเคสอาจฉีดทุก 2 สัปดาห์ในช่วงเดือนแรก หลังจากนั้นจำนวนครั้งจะลดลงตามการประเมินของแพทย์ หากผิวเริ่มดีขึ้นและไม่ได้ฉีดต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล
ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม ?
การฉีดเมโสหน้าใสโดยทั่วไปถือว่ามีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ประสบการณ์สูงและใช้ตัวยาที่มีคุณภาพ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีขั้นตอนการฉีดสะอาด ปลอดเชื้อ แต่ก็อาจจะมีเพียงผลข้างเคียงซึ่งเกิดขึ้นปกติ เช่น รอยเข็มบนใบหน้า และอาการคัน บวม แดง ที่จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระคายเคือง การแพ้ เป็นผื่น แดง ผิวไวต่อแสง หรือการติดเชื้อได้ หากฉีดกับแพทย์ปลอม หมอเถื่อน ใช้ยาหิ้ว ยาปลอม มีขั้นตอนการฉีดไม่สะอาด ดังนั้น ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีใบรับรองถูกต้อง เช็กยี่ห้อหรือตัวยาก่อนฉีด รวมถึงปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา
วิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลังการฉีดเมโสหน้าใส
ก่อนการฉีดเมโสหน้าใส
• ปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด เพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมในการฉีด
• แจ้งประวัติด้านสุขภาพ การแพ้ยา หรือสารบำรุง
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาและผลิตภัณฑ์บางชนิดที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น ยาลดการอักเสบ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์
หลังการฉีดเมโสหน้าใส
• หลังฉีด 2-3 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แต่ควรทำอย่างเบามือ
• เลี่ยงการแตะต้องหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคือง
• งดการทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน และเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
• เลี่ยงการออกแดดจัดหลังการฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการเกิดรอยดำ
• เลี่ยงการสครับผิว หรือทำทรีตเมนต์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
สรุป ฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส ถือเป็นทางลัดฟื้นฟูผิวสวยเร่งด่วน ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย จุดด่างดำ และสิวได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนทำควรศึกษาเกี่ยวกับวิธีการฉีด ข้อดี-ข้อเสีย และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ตัวยาแท้ และแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและพึงพอใจ