รีวิว Innisfree Water Glow Cushion SPF50+/PA+++

3

ตอนนี้มันเป็นรุ่น water fit แล้วขอรีวิวในนี้ละกันนะคะ
เราชอบแบรนด์นี้ตรงที่เป็นแบรนด์เกาหลีแบรนด์เดียวที่ใช้พวกรองพื้นของนางได้ นอกนั้นจะขาวไปไหนก็ไม่รู้ 555 เราใช้สี N31 สีกลางๆโทนเหลือง เราว่าเขาทำสีออกมาดีเลยนะ พอดีกับผิวเราเป๊ะเลย สูตรนี้จะเน้นความฉ่ำวาวสุขภาพดี ไม่วาวเกิน ปกปิดได้ระดับนึงแต่ยังได้ผิวที่ดูธรรมชาติ ไม่โบ๊ะเกิน(แต่ดูมันก็หนาอยู่นะ) มีความเหนอะแหนะ หักคะแนน 555 ติดทนดีใช่ได้อยู่สำหรับคุชชั่นแบบฟินิชGlow แต่เราผิวผสมเลยมีมันเยิ้มบ้างไม่คุมมันอะไรเลย ต้องเซ็ตแป้งด้วย ตัวนี้เราใช้หมดไป2ตลับละ ซื้อตอนช่วงซื้อ1แถม1รีฟิล ใช้ไปเรื่อยแล้วก็คิดว่าไม่ซื้อต่อ โดยรวมเราชอบแต่ก็ยังไม่ว้าวมาก มัน เหมาะกับผิวแห้งมากกว่า ตอนนี้เลยซื้ออีกรุ่นของเขามาใช้ ชอบมาก

3

ใช้แล้วก็พอไปเที่ยวได้ซักพักนึง ติดทนอยู่
ตอนนี้เราใช้ของเฮลิน มิเนอรัล เอสเซ้น คูชั่น
ได้ลุคใสๆสไตล์สาวเกาหลี ควบคุมความมัน กันน้ำ กันเหงื่อ กันแดดได้ดี

4

เราเป็นคนหน้ามันนะ แต่ไม่อยากใช้ตัวที่มันหนาเกิน เลยเลือกใช้ตัวนี้ ตัวนี้จะเป็นคุชชั่นที่มีความชุ่มชื้นในตัว และมีความดิวอี้เบาๆ ใช้แล้วหน้าขาวใสดูเป็นธรรมชาติมากๆ กลิ่นหอมเหมือนสมุนไพรอ่อนๆ ติดทนประมาณครึ่งวัน

4

เป็นคูชั่นที่ชอบอีกตัวนึง ทาแล้วหน้าวาว แต่ก็ไม่ได้วาวเท่าที่คิด ปกปิดไม่มากเท่า long wear แต่ลงคอลซีลเลอร์เฉพาะจุดเอาก็โอเค ทาแล้วเหมือนหน้าใสมาแต่เกิด555 คิดว่าซื้อต้องซ้ำแน่นอน

5

ผิวฉ่ำๆ ดูดิวอี้มากมาย เหมาะกับผิวแห้งค่ะ

4

เฮ้อออ มันขาวมากเลยค่ะ ขนาดเบอร์ 23 แล้วยังขาว
แต่มันจะดรอปลงอีก พอดีกับผิว ถือเป็นความโชคดีที่มันไม่ทำให้หน้าเทา
ใช้แล้วรู้สึกเฉยๆ มาก คงเพราะนี่ผิวแห้งมาก ไม่โกลว์ไม่วอเตอร์ซักนิด อารมณ์เสียจริง! และดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยติดทนด้วยสิ งานเผยผิวจริง เผยจนเปลื่อย 555555

4

เรามี cushion ของแบรนด์นี้ทั้งสามรุ่น water glow อยู่ตรงกลางระหว่าง ampoule และ long wear ค่ะ ที่เกาหลีว่าเหมาะกับช่วง spring/autumn
ทาแล้วให้ลุคดิวอี้ และจะฉ่ำมากขึ้นเรื่อยๆ เหมาะกับสาวผิวค่อนข้างแห้ง หรือมันเป็นบางส่วนของใบหน้า ลองเปรียบเทียบสีแล้ว เราว่าอ่อนสุดคือ ampoule>water glow>long wear
ของinnisfreeนี่ ทั้งสองรุ่นที่ฉ่ำ วาว ก็ดูหนาอยู่เหมือนกันค่ะ คงมาจากความเหนอะหนะด้วยแหละ ถ้าอากาศแห้ง คงออกมาดีกว่า