รีวิว Snowgirl Tofu & Collagen Facial Mask

2

รู้สึกว่าตัวนี้เฉยๆกับการนำมาทำเป็น sleeping pack เพราะโบกไปหนาพอสมควรแต่ตื่นมาหน้าก็ยังปกติ ไม่ได้นุ่มขึ้นอิ่มน่ำขึ้นแต่อย่างใด
ถ้าเอามาทำครีมทาหน้าธรรมดาก็น่าจะทาได้แค่กลางคืนนะคะ เพราะมันคงจะหนาเยิ้มน่าดูถ้าทากลางวัน

4

ซื้อมาเพราะไปค้างแรมที่ตจว.ค่ะ ไม่ได้พกสกินแคร์ไป แต่เผอิญว่าต้องตากแดดตากลม หน้าเลยหมองๆ จึงหามาส์กหน้าง่ายๆจากร้านสะดวกซื้อมาใช้ไปพลางๆค่ะ

ซองมาส์กอออกแบบมาเป็นถุงซีล กันแสง เพื่อเก็บรักษาเนื้อผลิตภัณฑ์ ดูเหมือนจะดีนะคะ แต่ว่า เวลาใช้งานจริงมันไม่สะดวกค่ะ เพราะ

1.เป็นซองซีลที่มีปากกว้าง ก้นแคบ ทำให้ล้วงนิ้วเข้าไปในซองเพื่อควักครีมออกมาไม่ซะดวกค่ะ ครีมจะเลอะตามนิ้วเต็มไปหมด ซึ่งถ้าถามว่า ทำไมต้องใช้นิ้วจ้วงล่ะ อ่านข้อ 2 ค่ะ

2. ถ้าค่อยๆบีบเนื้อครีมไล่ขึ้นมาจากก้นซอง ก็จะไม่ต้องเลอะนิ้วก็จริง แต่ เนื้อครีมจะกระจุกอยู่ที่ปากซองมากเกินไป (อย่าลืมว่าปากซองกว้างกว่าก้นซอง) ทำให้ได้เนื้อครีมที่ปริมาณเยอะมากกว่าความต้องการ และยังทำให้เกิดข้อ 3 ค่ะ

3.ด้วยความที่เป็นถุงซีล เวลาบีบหรือจ้วงครีมออกมาจากซอง จะมีเนื้อครีมส่วนเกินติดอยู่ที่ปากซองเสมอ ซึ่งบริเวณนั้นจะไม่ถูกซีลลงไปด้วยค่ะ มันจะเกรอะอยู่ตรงปากซอง และแห้งไปตามกาลเวลาเลย เมื่อเปิดใช้ครั้งต่อไป ก็จะเกิดการสะสมของเนื้อครีม ณ บริเวณนั้นต่อไป จนกว่าจะใช้หมดซองค่ะ

ดังนั้นหากเป็นซองแบบมีจุกเกลียว น่าจะดีกว่าเยอะค่ะ

(ส่วนลายสกรีนกราฟฟิกหน้าซอง ทำได้น่ารักใสๆ ถูกใจสาวๆดีค่ะ)

เนื้อครีมมีกลิ่นหอมแนววนิลลา มากกว่าเต้าหู้ค่ะ เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆน่ากลิ่นมาก เนื้อครีมทาง่าย เกลี่ยง่าย ซึมไวทาใช้พอประมาณ ทาแล้วหน้าจะสว่างขึ้นทันที 1-2 ระดับค่ะ คล้ายๆครีมเบส หรือกันแดดมีสีเลยค่ะ

ในส่วนของส่วนประกอบของครีมตัวนี้ ไม่ค่อยมีสารบำรุงที่โดดเด่นเท่าไหร่ แต่มีตัวให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอยู่พอสมควรค่ะ

จริงๆเจ้ามาส์กตัวนี้ เป็นได้ทั้งสกินแคร์และ Sleeping Mask เลยนะคะ เราอ่านจากวิธีใช้หลังซอง บอกไว้ว่า ทาบางๆเป็นครีมบำรุงปกติ หรือทาหนาๆก่อนนอนก็ได้ ซึ่งเราก็ได้ทดลองใช้ทั้งสองวิธีเลย ทำให้ค้นพบทั้งข้อดีและข้อเสียของครีมมาส์กตัวนี้ค่ะ

วิธีที่ 1 คือ ใช้ทาหนาๆก่อนนอนเป็น Sleeping Mask ด้วยวิธีนี้ ข้อดีคือ เราจะได้มอยซ์เจอไรเซอร์ที่เคลือบผิวหน้าไม่ให้แห้งตลอดขึ้น เหมาะมากกับหน้าหนาว หรือคนที่นอนห้องแอร์ประจำค่ะตื่นมาหน้าจะเหลือความชุ่มชื้นนิดหน่อย

ข้อเสียคือ ถ้าใช้เป็น Sleeping Mask ในหน้าร้อน นอนพัดลม ตื่นมาหน้าจะมันเลื่อมมันเสาตกน้ำมันค่ะ อีกอย่างนึงก็คือ เมื่อเราพอกหนาๆ ครีมจะซึมลงช้ามาก และทำให้เราได้เห็นเม็ดสีขาวของครีมเคลือบเกาะบนใบหน้า ซึ่งถ้าเอามือไปถูหน้าตอนนี้ละก็ จะเห็นเป็นทางนิ้วลากยาวเลยล่ะค่ะ ดังนั้น ถ้าพอกหน้าแล้วนอนทันที จะเกิดโศกนาฏกรรมครีมเปื้อนหมอนในตอนเช้า จึงควรอย่างยิ่งที่จะพอกแล้วรอให้เนื้อครีมซึมลงก่อนสักพัก แล้วค่อยนอนค่ะ

วิธีที่ 2 คือใช้ทาบางๆเป็นสกินแคร์ปกติ๊ปกติ ข้อดีคือ เราจะได้สกินแคร์เนื้อมอยซ์เจอไรเซอร์หอมๆ เคลือบผิวตลอดวัน อีกทั้งยังทำให้หน้าสว่างขึ้นด้วยนิดนึง ถ้าใครไม่ออกไปเจอแดดจะทาแล้วตบแป้งฝุ่นต่อก็โอเคแล้วค่ะ หน้าใสๆไม่โบ๊ะเลย แต่ตัวเรา ชอบเอามาทาตบท้ายสกินแคร์ทั้งหลายทั้งปวง เพื่อให้เจ้าครีมมาส์กเนี่ย ทำงานเสมือฟิล์มเคลือบผิวชั้นสุดท้าย เพื่อกักเก็บประสิทธิภาพของสกินแคร์ และรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยค่ะ

ส่วนข้อเสียคือ ถ้าใช้เดี่ยวๆละก็ รอดแน่นนอน หน้าจะใสวาวเหมือนสาวแรกรุ่น แต่ถ้าใช้แล้วต่อด้วยกันแดด ด้วยเบส ด้วยเมคอัพ หน้าจะเละค่ะ เครื่องสำอางจะไม่เกาะผิว เพราะเจ้าครีมมาส์กเนี่ย กลายเป็นฟิล์มเคลือบผิวไปแล้ว ถ้าเอาอะไรไปทาทับ ก็เหมือนกับเอาสีไปทาบนแว๊กซ์ดีๆเนี่ยแหละค่ะ

สรุปก็คือ เป็นครีมมาส์กที่มีวิธีใช้งานได้ 2 แบบ และมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัว ถ้าเราเลือกใช้ได้ข้อดีของมัน จะพบว่า เป็นสกินแคร์ที่โอเคตัวนึงเลย เพราะราคาไม่แพง หาซื้อง่ายมาก ติดลบไปนิดตรงที่แพ็คเก็จจิ้งใช้ไม่สะดวกแค่นั้นค่ะ

4

ราคา: ซื้อมาเป็นซองทดลอง ไม่เกินสามสิบบาทมั้งคะ จำแน่ๆไม่ได้
เนื้อ: ครีมสีขาวอมเหลือง หยุ่นๆ กลิ่นน้ำเต้าหู้เลย น่ากินมาก ซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะบนผิว
Package: ซองขนาดยี่สิบกรัม ดีมากที่มีซีลปิดให้ด้วยเหมาะสำหรับเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไป ฉีกง่าย เก็บง่่ายค่ะ
การใช้งาน: เราเอามาทาตัวโดยเฉพาะแขนเพราะตอนนี้คล้ำขึ้นเยอะมาก คือกลัวแพ้ผิวหน้า กลิ่นหอมน่ากิน ซึมเร็ว รู้สึกผิวยืดหยุ่นมากขึ้น แต่เรื่องจุดด่าดำนี่ไม่เห็นผลนะคะ ไม่แพ้ไม่ระคายเคือง ราคาก็ถือว่าแพงพอควร แต่เท่าที่ใช้แบรนด์นี้มาชอบตัวนี้ที่สุดแล้ว ตัวอื่นนี่ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ที่ได้ใจเพราะกลิ่นกะเนื้อสัมผัสเน้นๆเลย
จะซื้อต่ออีกไหม: น่าจะนะคะ ส่วนตัวชอบดื่มและชอบกลิ่นน้ำหู้อยู่แล้วด้วย