รีวิว Lancome UV Expert XL-Shield CC Cover SPF50 PA++++

3

คำเคลมของแบรนด์ Lancome UV Expert XL Shield CC Cover SPF50 PA++++
เพื่อผิวกระจ่างใส เปล่งประกาย มีชีวิตชีวา สุขภาพดี อย่างเป็นธรรมชาติ สีผิวสม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ผิวดูเนียนละเอียด ชุ่มชื่น ดูอ่อนเยาว์ ด้วยการปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB, UVA XL หรือรังสีคลื่นยาว และดูซับแสง Blue Light รวมถึงปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดวัน (12 ชม.) ยกระดับการปกป้องผิว ช่วยชะลอความร่วงโรยของผิว สาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย มอบเนือสัมผัสที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เบาสบาย ให้ผิวเปล่งปลั่ง เป็นธรรมชาติ เหมือนไม่แต่งหน้า

แสง Blue Light ที่เป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสีคล้ำเสียสะสม ซึ่งสามารถทำร้ายผิวชั้นและผิวชั้นใน ทำให้ผิวเกิดผิวคล้ำเสียวะสมเป็นเวลานาน UV Expert XL Shield CC Cover SPF50 เทคโนโลยีใหม่ ช่วยดูดซับ Blue Light ทำหน้าที่เหมือนเป็นม่านที่ค่อยปกป้องผิวจากรังสียูวี และมลภาวะ มอบความชุ่มชื่นให้ผิวและปรับสีผิวให้กระจ่างใส เป็นธรรมชาติ

โดยส่วนตัวใช้มา 3สี
Fresh Rosy ขาวอมชมพู ทาแล้วสีนี้กลืนไปกับผิว
Light beige ขาวเหลือง ทาแล้วผิวออกโทนเหลือง
Natural Nude สีเข้มกว่า Light beige คนผิว2สีใช้ได้ ไม่โดด (สีนี้ได้รับเป็นเทสเตอร์มา)

เนื้อครีมข้น ไม่ไหล แต้มทีละจุดแล้วทา เพราะถ้าแต้มทิ้งไว้ 5 จุดแล้วทา จะรู้สึกว่าเกลี่ยยาก และทำให้เป็นคราบ เราเจอปัญหากันแดดตัวนี้รู้สึกว่า จะชอบเป็นคราบ โดยเฉพาะแถวร่องจมูก ทั้งๆที่กันแดดลังโคมตัวอื่นๆที่เคยใช้มาไม่เจอปัญหานี้

แต่เทคโนโลยีแสงสีฟ้า ที่ช่วยปกป้องผิว ทำให้เราต้องซื้อมาใช้ เพราะทุกวันนี้ แสงยูวีจากแสงอาทิตย์แล้วยังมีปัญหาแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือด้วย เลยชอบรุ่นนี้มากกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ติดตรงเป็นคราบที่แก้ยากจริงๆ

ขวดผลิตภัณฑ์ออกแบบได้ดี เหมาะกับการเดินทางมาก และเวลาเปิดใช้ก็ง่าย สะอาด

หักคะแนนที่เกลี่ยยาก และเป็นคราบ เทียบกัน สำหรับ CC Cream เราชอบ Lancome City Miracle CC Cream มากกว่า แต่สีของ Lancome City Miracle CC Cream สี01 ก็ยังเข้มมากไปสำหรับสีผิวเรา

3

รีวิวเพิ่มเติมกับสีใหม่ที่ซื้อมา จากเดิมที่รีวิวเทสเตอร์ที่เคาน์เตอร์ให้เป็นสี natural beige จริงๆ ก็พอใช้ได้แต่จะเหลืองไปหน่อย ระหว่างวันหน้าจะไม่ผ่อง แต่พอซื้อเอง ได้มีโอกาสใช้ทั้งสี light beige และ fresh rosy มีความแตกต่างกัน คือ light beige โทนเหลือง สำหรับผิวขาวเหลืองเลย จะขาวกว่า natural beige ชัดเจน ส่วน fresh rosy แนะนำสำหรับผิวอมชมพูเลย ถ้าผิวติดเหลืองมากๆ ไม่แนะนำ หน้าเทาแน่นอน

สำหรับเราตอนใช้เทสเตอร์รู้สึกว่าปกปิดดีกว่าขนาดจริง เลยใช้ไม่เยอะมากและไม่เน้นใช้เป็นกันแดด แต่พอเป็นขนาดจริงเราลองใช้เป็นกันแดดด้วย และบีบใช้เยอะพอสมควร เทียบกันแล้วปกปิดได้น้อยกว่าเทสเตอร์หน่อยนึง แต่ก็กันแดดได้ดี เดิมเราคิดว่าตัวเองใช้สี fresh rosy น่าจะเข้ากับผิวที่สุด แต่พอใช้ปริมาณที่มากระดับกันแดด (ไม่ใช่รองพื้นหรือบีบี) รู้สึกว่าผิวจะอมชมพูไป ทำให้ตอนปาดครั้งแรกๆ รู้สึกหน้าเทานิดนึง แต่พอเซ็ทตัวก็ดีขึ้น แต่ถ้าเทียบสีแล้วเราว่าผิวเราน่าจะไปทาง light beige มากกว่า แต่เราก็ยังใช้ fresh rosy ได้นะ ไม่ได้เทาหลอกตาเกินไป หน้าจะผ่องๆ ต่างกันกับสีโทนเบจที่จะทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติกว่า

สรุป ดีงาม ปกปิด (แต่ทำไมเทสเตอร์ปิดดีกว่าขนาดจริงอ่ะ 55555) กันแดด ไม่มีกลิ่นน้ำหอม ทาง่ายเกลี่ยง่าย กันน้ำกันเหงื่อ ไม่ไหล ไม่ระคายเคือง ไม่แพ้ แต่ไม่ค่อยคุมมัน

แต่ที่ใช้ๆ ไปแล้วจนอีกไม่นานก็จะหมด ที่รู้สึกคือ ตัวกันแดด cc lancome ตัวนี้ เนื้อจะเหลวๆ และแห้งช้า

[ถ้าทาในลักษณะกันแดด หน้าจะเปียกๆ เมือกๆ ไม่ค่อยซึมลงผิว และทำให้ร่องจมูกเป็นคราบด้วย เป็นทุกครั้งเลย ทาแล้วจะดูแบบลงรองพื้นหนาๆ (หนากว่ารองพื้นบางยี่ห้อ/รุ่น อีก)]

พอทาในลักษณะกันแดดที่เราต้องทาเยอะๆ มันเกลี่ยง่ายก็จริงแต่พอมันแห้งช้าก็ลงแป้งต่อลำบาก ทุกครั้งเราก็เลยต้องเอาพัฟคุชชั่นมากดๆ แท็บๆ เกลี่ยๆ เพื่อให้มันเนียน เพราะตอนแรกมันจะเป็นคราบเลย เป็นรอยนิ้วเลย พอใช้พัฟคุชชั่นเกลี่ยแล้วมันดีขึ้นมาก หน้าก็ไม่ค่อยเหนอะหรือเปียกๆ เมือกๆ (พัฟกิน cc ไปแล้ว 5555555)

เสียดายที่สุดของกันแดดรุ่นนี้ก็เรื่องทำให้ร่องจมูกเป็นคราบกับแห้งโคตรช้าและไม่ค่อยคุมมันนี่แหละ เศร้าใจจัง